นายกรัฐมนตรีห่วงสุขภาพชาวไทยมุสลิม 13,000 คนที่จะเดินทางไปแสวงบุญพิธีฮัจย์ที่นครเมกกะปีนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขจัดหน่วยแพทย์พยาบาลไทย 4 ทีม ร่วมเดินทางไปดูแลสุขภาพที่นครเมกกะ โดยตั้งโรงพยาบาลชั่วคราวขนาด 20 เตียง จำนวน 2 แห่ง บริการ 24 ชั่วโมง ตลอด 6-8 สัปดาห์ฟรี วันนี้ (15 กันยายน 2555) ที่โรงพยาบาลกระบี่ จ.กระบี่ นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และผู้บริหารระดับสูง นำคณะหน่วยแพทย์พยาบาลไทย จำนวน 42 คน เข้าพบนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อรับโอวาทก่อนที่จะเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ดูแลชาวไทยมุสลิม จำนวน 13,000 คน ที่เดินทางไปแสวงบุญเพื่อประกอบพิธีฮัจย์ ประจำปี 2555 ณ นครเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย นายวิทยาให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลโดยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยสุขภาพชาวไทยมุสลิมที่จะเดินทางไปร่วมพิธีฮัจย์ประจำปี 2555 ซึ่งจะเริ่มทยอยเดินทางตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน 2555 โดยได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข จัดเตรียมความพร้อมทางสุขภาพให้แก่ผู้ที่จะเดินทางไปแสวงบุญอย่างเต็มที่ เนื่องจากแต่ละปีจะมีชาวมุสลิมจากทั่วโลกเข้าร่วมพิธีจำนวนมากประมาณ 2 ล้านคน และต้องมาอยู่รวมกันในสถานที่จำกัดเป็นเวลา 6-8 สัปดาห์ จึงมีโอกาสที่จะเกิดการแพร่กระจายของเชื้อโรคต่างๆได้ โดยเฉพาะโรคติดเชื้อทางเดินหายใจซึ่งติดต่อง่ายทางการไอจาม ที่พบมากทุกปีคือไข้หวัดพบได้ประมาณร้อยละ 75 ของผู้ป่วย รองลงมาคือกล้ามเนื้ออักเสบปวดเมื่อยพบประมาณร้อยละ 10 ที่เหลือคือโรคอุจจาระร่วง โรคผิวหนังอื่นๆ พบได้ร้อยละ 10 นายวิทยากล่าวต่อว่า ในปีนี้ นอกจากกระทรวงสาธารณสุขจะให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่และป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่นแก่ผู้ที่จะเดินทางทุกคนฟรีแล้ว ยังได้จัดส่งหน่วยแพทย์ พยาบาลไทย จำนวน 4 ทีม รวม 42 คน ประกอบด้วย แพทย์ เภสัชกร พยาบาลวิชาชีพ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เดินทางไปที่นครเมกกะ พร้อมเครื่องมือแพทย์ เช่น เครื่องตรวจหัวใจ เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าใน ยา เวชภัณฑ์จำเป็นอาทิ ยาโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง แก้หอบหืด แก้ไอ แก้ปวดเมื่อย เป็นต้น เพื่อให้การดูแลตลอดการร่วมพิธีฮัจย์อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง เสมือนอยู่ประเทศไทย และมอบกระเป๋ายาสามัญประจำบ้าน เช่น ยาแก้แพ้ ยาแก้เมาเครื่อง ยาแก้ท้องเสีย ให้ อสม.ฮัจย์ ซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มพกติดตัว เพื่อใช้ช่วยเหลือเบื้องต้นเมื่อมีผู้ป่วยฉุกเฉินระหว่างเดินทาง นายวิทยากล่าวต่อไปว่า ในการปฏิบัติงานของคณะแพทย์พยาบาลไทยที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย จะจัดตั้งเป็นโรงพยาบาลชั่วคราวขนาด 20 เตียง ใน 2 จุด จุดแรกที่อาคารยัฟฟาลี ต.เชคอามีน นครเมกกะ และจุดที่ 2 คือ ที่อาคารอัลรีทาจ การีมพาเลส ถนนชาร์ เมืองมาดีนะ ให้บริการตรวจรักษาแบบผู้ป่วยนอกและฉุกเฉิน ส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค โดยประสานความร่วมมือกับโรงพยาบาลของประเทศซาอุดิอาระเบีย และในแต่ละวันจะจัดทีมแพทย์เดินเท้า ติดตามผู้แสวงบุญขณะร่วมพิธีด้วย เพื่อให้การดูแลได้ทันท่วงที โดยคาดว่าหลังทำการขออนุญาตทางการซาอุดิอาระเบียแล้ว จะสามารถให้บริการได้ตั้งแต่วันที่ 22 กันยายน 2555 จนถึง 22 พฤศจิกายน 2555 “ทั้งนี้ ฝากเตือนประชาชนที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ขอให้รักษาร่างกายให้แข็งแรง ผู้มีโรคประจำตัวอาทิ หอบหืด ควรใส่ผ้าปิดปากและจมูกเพื่อป้องกันฝุ่นละออง และควรจัดเตรียมยาที่จำเป็น และยาที่ใช้เป็นประจำพกติดตัวไปด้วยให้เพียงพอ และควรให้แพทย์บันทึกประวัติการป่วยในสมุดสุขภาพด้วย เพราะหากเกิดเหตุฉุกเฉินแพทย์ที่ให้การรักษาจะสามารถดูได้จากประวัติสมุดสุขภาพทำให้การรักษาต่อเนื่อง ได้ผลดี”นายวิทยากล่าว **************************************** 15 กันยายน 2555


   
   


View 8    15/09/2555   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ