รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สั่งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และประสานผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ คุมเข้มห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดทั้งชนิดขายส่งและขายปลีก ในวันที่ 7 มีนาคม 2555 ซึ่งเป็นวันมาฆบูชา พร้อมสั่งเจ้าหน้าที่ออกสุ่มตรวจ ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

          นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า  ในวันที่ 7 มีนาคม 2555 นี้  เป็นวันมาฆบูชา เป็น 1 ใน 4 ของวันพระใหญ่ ซึ่งประกอบด้วยวันมาฆบูชาวันวิสาขบูชาวันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษาที่ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ตามมาตรา 28 พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พ.ศ.2551 โดยยกเว้นให้ขายได้เฉพาะในโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรมซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่พ.ศ.2552 จากการตรวจสอบที่ผ่านมาพบว่ามีบางสถานที่ยังมีการฝ่าฝืนกฎหมายดังกล่าว เช่นย่านบันเทิง เป็นต้น         
 
นายวิทยากล่าวต่อว่า มาตรการควบคุมในวันมาฆบูชาในปีนี้กระทรวงสาธารณสุขได้ทำหนังสือสั่งการสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ และทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 77จังหวัด ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับจังหวัด ขอให้เข้มงวดดำเนินการให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ทั้งขายส่งและขายปลีก พร้อมทั้งขอความร่วมมือให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศช่วยสอดส่องดูแลพื้นที่ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ไม่ให้มีการฝ่าฝืนกฎหมาย โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่หลังเที่ยงคืนของวันที่ 6 มีนาคม 2555จนถึงเวลา 24.00 น.ของวันที่ 7มีนาคม 2555 นอกจากนี้ จะส่งเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางออกสุ่มตรวจด้วย หากพบมีการฝ่าฝืนกฎหมาย จะมีความผิดมีโทษจำคุกไม่เกิน 6เดือน ปรับไม่เกิน 10,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
 
  “ขอเชิญชวนชาวพุทธทุกคน งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันพระใหญ่ เพราะ 1 ปีมีเพียง 4วันเท่านั้น เนื่องจากเป็นวันที่มีความสำคัญกับชาวพุทธนอกจากจะชวนกันเข้าวัดทำบุญแล้ว ก็ควรทำให้ 4วันดังกล่าวเป็นวันที่งดดื่มและไม่ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งมึนเมาด้วยเพื่อทำให้สังคมปลอดภัยจากผู้ที่เมาสุรา” นายวิทยากล่าว  
 
            ทางด้านนายแพทย์สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ผลการสำรวจพฤติกรรมการดื่มสุราของประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่าแนวโน้มการดื่มลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากการมีกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการรณรงค์ให้ข้อมูลความรู้ประชาชนจากหน่วยงานภาครัฐและภาคประชาชน ล่าสุดในปี 2554 พบมีผู้ดื่มสุรา 17 ล้านคน คือเป็นร้อยละ 31.5 ของประชาชนวัยนี้ที่มีจำนวน 53.9 ล้านคน โดยลดลงจากในปี 2544 ที่มีร้อยละ 32.7 กลุ่มผู้ชายมีอัตราดื่มสูงกว่าผู้หญิงประมาณ 5 เท่าตัว และกลุ่มวัยทำงาน อายุ 25-59 ปี มีอัตราการดื่มสูงกว่ากลุ่มอื่นคือร้อยละ 37 ทั้งนี้ ในจำนวนผู้ที่ดื่มสุรา พบว่าเป็นผู้ดื่มสม่ำเสมอ 7.5 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 44 โดยดื่ม 5 วันต่อสัปดาห์ขึ้นไปร้อยละ 41.3 และดื่มทุกวันมีถึงร้อยละ 25.7 และจากการสอบถามครัวเรือนที่มีสมาชิกครัวเรือนดื่มสุราและมีปัญหาพบว่ามีถึงร้อยละ 36.6 ที่มีปัญหาการใช้ความรุนแรงในครัวเรือน มีปัญหาความสัมพันธ์ในครัวเรือน ร้อยละ 25.7 มีปัญหาในการประกอบอาชีพ และอีกร้อยละ 23 ได้รับบาดเจ็บหรืออุบัติเหตุ  
**************************    6 มีนาคม 2555


   
   


View 13       ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ