รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยยูนิเซฟชื่นชมการทำงานของไทยเรื่องเกลือไอโอดีน ขอให้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง พร้อมขอให้มีการรณรงค์เรื่องการดื่มนมแม่ พัฒนาการเด็กปฐมวัยโดยเฉพาะเด็กแรกเกิดจนถึง 3 ปี ซึ่งไทยได้ดำเนินการอย่างเข้มข้นและถือเป็นเรื่องเร่งด่วน ส่วนการลงทะเบียนทารกแรกเกิดแบบเบ็ดเสร็จจุดเดียวจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

วันนี้ (1 กุมภาพันธ์ 2555) ที่ห้องรับรอง 2 อาคารรัฐสภา นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังพบนายโทโมโอะ โฮซูมิ (Tomoo Hozumi) ผู้แทนองค์การยูนิเซฟ (Unicef) ประจำประเทศไทย ว่า วันนี้ได้หารือผู้แทนยูนิเซฟในการดำเนินงานด้านสาธารณสุข 4 เรื่อง ประการแรกองค์การยูนิเซฟได้ชื่นชมการทำงานของกระทรวงสาธารณสุขที่สามารถดำเนินการยุทธศาสตร์เกลือไอโอดีน เพื่อแก้ปัญหาการขาดสารไอโอดีนได้ดี ขอให้กระทรวงสาธารณสุขเข้มข้นดำเนินงานเรื่องนี้ต่อไปอย่างต่อเนื่อง โดยยุทธศาสตร์ดังกล่าวประกอบด้วยการออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข กำหนดให้ต้องมีปริมาณไอโอดีน 20-40 มิลลิกรัมต่อเกลือ 1 กิโลกรัม และกำหนดให้น้ำปลา น้ำเกลือปรุงอาหาร ผลิตภัณฑ์ปรุงรส ให้เติมไอโอดีน 2-3 มิลลิกรัมต่อลิตร ตั้งแต่ 8 พฤษภาคม 2554 มีการจัดตั้งชุมชน/หมู่บ้านไอโอดีนแล้ว 56,584 แห่งใน 49 จังหวัด และมี 5 จังหวัดดำเนินการได้ครอบคลุมทุกหมู่บ้าน ได้แก่ สิงห์บุรี เพชรบุรี นครราชสีมา มหาสารคาม และนครพนม พร้อมทั้งให้ อสม.ทั่วประเทศเป็นทูตไอโอดีน รวมถึงมีการจ่ายยาเม็ดเสริมไอโอดีนให้หญิงตั้งครรภ์ทุกรายตลอดการตั้งครรภ์และให้นมลูก 6 เดือน
ประการที่ 2 คือการควบคุมด้านการตลาดอาหารเด็กและทารก ทางองค์การยูนิเซฟได้ขอให้มีการรณรงค์เลี้ยงลูกด้วยนมแม่และการควบคุมการโฆษณานมผง ซึ่งในเรื่องนี้กระทรวงสาธารณสุข ได้ดำเนินโครงการโรงพยาบาลสายใยรักแห่งครอบครัวภายใต้โครงการสายใยรักฯของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ฯ รณรงค์ให้แม่เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมแม่อย่างเดียวใน 6 เดือนแรก นอกจากนี้ ยังห้ามไม่ให้มีการแจกผลิตภัณฑ์นมผงแก่แม่ที่คลอดในโรงพยาบาลด้วยประการที่ 3 เรื่องการลงทะเบียนเด็กแรกเกิด โดยทางยูนิเซฟได้เสนอให้มีการลงทะเบียนเด็กแรกเกิดแบบเบ็ดจุดเดียวที่โรงพยาบาล จะทำให้เด็กแรกเกิดทุกคนได้รับสิทธิขั้นพื้นฐาน ซึ่งเรื่องนี้จะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ปัจจุบันสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้เชื่อมต่อฐานข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สามารถตรวจสอบสถานะทางทะเบียนของบุคคลเบื้องต้นได้
และประการที่ 4 โครงการพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติ เน้นที่เด็กแรกเกิดจนถึง 3 ปี ซึ่งรัฐบาล โดยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีนโยบายพัฒนาเด็กปฐมวัย โดยมอบหมายให้ 8 กระทรวงที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงแรงงานฯ กระทรวงกลาโหม และสำนักนายกรัฐมนตรี จัดทำแผนการดูแลและพัฒนาเด็กปฐมวัยที่มีกว่า 5 ล้านคน ให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องในแต่ละช่วงอายุ ในส่วนกระทรวงสาธารณสุข ได้จัดทำโครงการพัฒนาคุณภาพเด็กไทย ได้แก่ โครงการหนังสือเล่มแรก โดยแจกให้เด็กแรกเกิดทุกคนทั่วประเทศให้พ่อแม่อ่านให้ลูกฟัง เพื่อให้พัฒนาการเด็กสมวัย โครงการพัฒนาสติปัญญาเด็กไทยให้มีความฉลาดทางสติปัญญา(IQ) และอารมณ์ (EQ)และโครงการพัฒนาศูนย์เด็กเล็กปลอดโรค ตั้งเป้าว่าภายในปี 2555 ศูนย์เด็กเล็ก 15,000 แห่งทั่วประเทศ จะมีปลอดภัยจากโรคต่างๆ เช่น ไข้หวัดใหญ่ โรคมือ เท้า ปาก ไข้หวัดนก นายวิทยากล่าว

   ********************************   1 กุมภาพันธ์ 2555



   
   


View 12    01/02/2555   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ