วันนี้(11 มกราคม 2555) ที่ จังหวัดนครนายก นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์สมชัย นิจพานิช รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เปิดประชุมการนำนโยบายด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกสู่การปฎิบัติ พร้อมบรรยายพิเศษ เรื่อง นโยบายการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยมี นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมกว่า 300 คน

นายวิทยา กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญในการส่งเสริม คุ้มครอง อนุรักษ์ภูมิปัญญาไทย ได้กำหนดให้นโยบายเรื่องการส่งเสริมการใช้การแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกในระบบบริการสาธารณสุขทุกระดับเป็น 1 ในนโยบายสำคัญ 16 ข้อที่ต้องเร่งดำเนินการตั้งเป้าให้บริการผู้ป่วยนอกด้วยการแพทย์แผนไทย/การแพทย์ทางเลือกที่ได้มาตรฐานไม่น้อยกว่า ร้อยละ 10 โดยกำหนดให้ผู้บริหารโรงพยาบาลชุมชนทุกแห่งได้รับการถ่ายทอดความรู้การใช้ยาสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติ มีรายการยาสมุนไพร ไม่น้อยกว่า 20 รายการ มีแพทย์แผนไทย/เวชกรรมไทย/แพทย์แผนไทยประยุกต์ อย่างน้อย 1 คน ร้อยละ 80
โดยใน ปี 2555 ได้มีโครงการพัฒนา 4 โครงการคือ 1.การพัฒนาศูนย์ยาไทยและสมุนไพรไทย 2.การขึ้นทะเบียนหมอพื้นบ้าน ซึ่งปัจจุบันมีขึ้นทะเบียนประมาณ 5 หมื่นคนแล้ว และโดยรวบรวมองค์ความรู้ ตำรับยา ภูมิปัญญาหมอพื้นบ้าน ผลิตเป็นตำรา 3.การพัฒนาโรงพยาบาลแพทย์แผนไทยต้นแบบ ปัจจุบันมี 9 แห่ง ดังนี้ ร.พ.พระปกเกล้า จ.จันทบุรี ร.พ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ร.พ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ ร.พ.สมเด็จพระยุพราชเด่นชัย จ.แพร่  ร.พ.เทิง จ.เชียงราย ร.พ.ท่าโรงช้าง จ.สุราษฎร์ธานี  ร.พ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว  ร.พ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ร.พ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี และจะเพิ่มในปีนี้อีก 3 แห่งด้วยกัน คือคณะการแพทย์แผนไทย ม.สงขลานครินทร์ ม.เทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร วิทยาลัยการแพทย์พื้นบ้านและการแพทย์ทางเลือก               ม.ราชภัฎเชียงราย และ การพัฒนาแพทย์แผนไทยดั้งเดิมในกรอบอาเซียน
นายวิทยา กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีแพทย์แผนไทยและบริการการแพทย์แผนไทย/การแพทย์ทางเลือกในโรงพยาบาลทุกระดับ ตั้งแต่ตำบลถึงจังหวัด มียาจากสมุนไพรในบัญชียาแห่งชาติเกือบ 100รายการ การนวด การอบสมุนไพร การประคบ การทับหมอเกลือ ที่สำคัญการบริการดังกล่าวอยู่ในสิทธิประโยชน์ของระบบหลักประกันสุขภาพแล้ว ซึ่งสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สนับสนุนงบในปี 2555 นี้ ประมาณ 365 ล้านบาท 
ทั้งนี้ ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community-AEC) ในปี 2558 ส่งผลให้การเดินทางเพื่อเจรจาการค้าระหว่างกันเพิ่มมากขึ้น ที่ผ่านมา ตลาดสินค้าสมุนไพร ยาแผนดั้งเดิม อาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพ ภาพรวมในประเทศ ในปี 2554 มีมูลค่าถึง 2,000 ล้านบาท และคาดว่า ในปี 2558 มูลค่าอุตสาหกรรมที่ใช้สมุนไพรจะสูงถึง 30,000 ล้านบาท ซึ่งประเทศสมาชิกต้องดำเนินการตามยุทธศาสตร์อาเซียนที่กำหนดไว้  รวมทั้งไทยที่ตั้งเป้าหมายจะเป็นผู้นำด้านการแพทย์ดั้งเดิมในภูมิภาคอาเซียน  โดยในปี 2555 ได้วางแผนการดำเนินการ 3 ด้าน คือ 1.ด้านงบประมาณ ได้แก่ การบริหารจัดการนายทะเบียนจังหวัด การขึ้นทะเบียนหมอพื้นบ้าน การสร้างเครือข่าย  2.ด้านวิชาการ ได้แก่ การวิจัยเพื่อสนับสนุนการใช้ยาสมุนไพรไทย การพัฒนาแนวทางการเบิกค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยในสำหรับโรงพยาบาลแพทย์แผนไทย จัดทำราคากลางอ้างอิงยาแผนไทยในสถานบริการสาธารณสุข 3. การพัฒนาหน่วยผลิตยาสมุนไพรมาตรฐานจีเอ็มพี( GMP)และพัฒนาโรงพยาบาลแพทย์แผนไทยต้นแบบ 
 
***************************** 11 มกราคม 2555


   
   


View 13    11/01/2555   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ