วันนี้ (21 กันยายน 2554) นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อวานนี้ (20 กันยายน 2554) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้รับทราบประกาศกระทรวงสาธารณสุข ที่กำหนดให้ยารักษาอาการไข้หวัดสูตรที่มีซูโดอีเฟดรีน (Pseudoephedrine) เป็นส่วนประกอบทั้งชนิดยาเม็ด แคปซูล และน้ำ ให้เป็นยาควบคุมพิเศษ เพื่อแก้ไขปัญหาการนำยาดังกล่าวไปใช้เป็นสารตั้งต้นผลิตยาเสพติด โดยห้ามขายยาในร้านขายยา ขายได้เฉพาะในสถานพยาบาลของรัฐและเอกชนที่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืน ซึ่งจะมีผลบังคับใช้เดือนธันวาคม 2554 นี้ 

 

นโยบายนี้เป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม มั่นใจว่าจะลดปัญหาผู้ติดยาเสพติดได้อีกทางหนึ่ง เพราะป้องกันการลักลอบนำยาแก้หวัดไปสกัดเอาซูโดอีเฟดรีนไปเป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติด ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าให้ยาอย่างมาก โดยยาแก้หวัด 1 เม็ด สามารถนำไปผลิตยาเสพติดจำพวกยาบ้าได้ถึง 3 เม็ด เพิ่มมูลค่าจากเม็ดละ 3-5 บาท เป็นเม็ดละ 500-600 บาท มูลค่าที่เพิ่มขึ้นมหาศาลนี้ ทำให้สร้างแรงจูงใจให้มีผู้ลักลอบผลิตออกมามอมเมาเยาวชนจำนวนมาก นายวิทยากล่าว

 

นายวิทยากล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้สนองพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ  เร่งนำผู้เสพและผู้ติดยาเสพติด เข้าบำบัดรักษาฟื้นฟู เป็นการคืนบุตรหลานให้ครอบครัว  โดยใช้ยุทธศาสตร์ที่หลากหลาย เช่นพัฒนามัสยิดเป็นศูนย์บำบัดและฟื้นฟูผู้เสพยาเสพติดประจำอำเภอ เป็นศูนย์ฟื้นฟูใกล้บ้านใกล้ใจ นำร่องในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ เนื่องจากพบเยาวชนเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดมากถึง 200,000 คน  และจัดสถานบำบัดรักษาฟื้นฟูครอบคลุมทั้งระบบสมัครใจ ระบบบังคับบำบัด และระบบต้องโทษ เพื่อลดปริมาณผู้ซื้อหรือความต้องการให้ได้มากที่สุด 

 

ผลการบำบัดรักษาฯ ในปี 2553  มีผู้เข้ารับการบำบัดฯ  114,074  ราย เป็นชาย 104,150 ราย ที่เหลือเป็นหญิง   โดยเป็นผู้บำบัดในระบบสมัครใจ จำนวน  28,154 ราย  ระบบบังคับบำบัด จำนวน 71,311 ราย ระบบต้องโทษ จำนวน 14,609 ราย ผู้ที่เข้ารับการบำบัดรักษาฯ เป็นผู้เสพ จำนวน 69,949 ราย คิดเป็นร้อยละ 61  ผู้ติดจำนวน 40,842 ราย คิดเป็นร้อยละ 36  และผู้เสพติดอย่างรุนแรง จำนวน  3,283 ราย คิดเป็นร้อยละ 3

ตัวยาที่ผู้เข้ารับการบำบัดฯ เสพมากที่สุด 5 อันดับแรก อันดับ 1 ยาบ้า รองลง กัญชา สารระเหย  เฮโรอีน และ กระท่อม   กลุ่มอายุที่เข้ารับการบำบัดมากที่สุดอายุ 8-24 ปี จำนวน 41,960 ราย คิดเป็นร้อยละ 37 รองลงมาอายุ 25-29 ปี จำนวน 23,548 ราย คิดเป็นร้อยละ 21 ส่วนอาชีพของผู้เข้ารับการบำบัดมากที่สุดคือรับจ้าง ร้อยละ 45 รองลงมา ว่างงาน ร้อยละ 26 เป็นเกษตรกรร้อยละ 12  นักเรียนนักศึกษาร้อยละ 10 และค้าขายร้อยละ 7

 ******************************************************** 21 กันยายน 2554



   
   


View 12    21/09/2554   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ