ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เผยฝุ่นละอองที่ปกคลุมในแถบจังหวัดภาคเหนือตอนบนขณะนี้ มีอันตรายต่อปอด โดยผลการตรวจวัดปริมาณฝุ่นที่เชียงราย ลำปาง พบสูงเกินมาตรฐานเกือบ 2 เท่าตัว เตือนเด็กเล็ก ผู้สูงอายุที่สูบบุหรี่จัด ผู้ที่เป็นโรคหอบหืด โรคภูมิแพ้ ต้องระวัง แนะการป้องกัน ประชาชนควรอยู่ในบ้าน หากจำเป็นต้องออกนอกบ้าน ให้ใส่หน้ากากอนามัย หรือใช้ผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำหมาดๆ ปิดจมูก และไม่เผาป่า นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังตรวจเยี่ยมราชการที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ จังหวัดเชียงราย เมื่อเช้าวันนี้ ว่า ขณะนี้สภาพอากาศในแถบจังหวัดภาคเหนือตอนบนมีหมอกควันปกคลุมเกือบตลอดวัน สาเหตุมาจากไฟป่าที่ชาวบ้านบางกลุ่มจุดไฟเผาและการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ซึ่งนอกจากเป็นอันตรายต่อการใช้รถใช้ถนนแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจด้วย โดยจากการตรวจสภาพฝุ่นละออง ของกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2550 ที่จังหวัดเชียงราย พบปริมาณฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน สูงถึง 197 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรในรอบ 24 ชั่วโมง และที่จังหวัดลำปางตรวจวัดได้ 200 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรในรอบ 24 ชั่วโมง ซึ่งสูงกว่าค่าปกติที่กำหนดให้ไม่ควรเกิน 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรในรอบ 24 ชั่วโมง เกือบ 2 เท่าตัว ฝุ่นดังกล่าวสามารถเล็ดลอดผ่านขนจมูกเข้าไปสะสมและจับกับเนื้อปอดได้ นายแพทย์ปราชญ์ กล่าวต่อว่า โดยทั่วไปขนจมูกคน สามารถดักกรองฝุ่นที่มีขนาดใหญ่กว่า 10 ไมครอนเท่านั้น ดังนั้นสภาพหมอกควันที่เกิดขึ้นจึงเป็นอันตรายต่อประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไปก็คือ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุที่สูบบุหรี่จัด เนื่องจากปอดทำงานไม่ดีอยู่แล้ว รวมทั้งผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ เป็นหวัดเรื้อรัง ซึ่งพบได้ประมาณร้อยละ 3 ของผู้ที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป เพราะอาจกระตุ้นให้เกิดอาการระคายเคืองตา แสบตา ไอ เจ็บคอ หรือเจ็บป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจได้ง่ายขึ้น สำหรับการป้องกันการสูดดมฝุ่นละออง ขอให้ประชาชนอยู่แต่ในอาคารบ้านเรือน หากจำเป็นต้องออกนอกบ้าน ขอให้ใส่หน้ากากอนามัยทั่วไป ซึ่งราคาถูกและมีจำหน่ายในร้านขายยาทั่วไป หากไม่มีให้ใช้ผ้าเช็ดหน้า ผ้าบางหรือผ้าอ้อมเด็กชุบน้ำหมาดๆ คาดปิดจมูกก็จะช่วยได้ ส่วนผู้ที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ ขอให้ใช้หมวกกันน็อคประเภทที่มีหน้ากาก ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้ฝุ่นเข้าตาได้ แต่หากไม่มีให้ใส่แว่นกันฝุ่นและต้องใส่หน้ากากอนามัยหรือใช้ผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำป้องกันเช่นกัน เนื่องจากความเร็วของรถจะทำให้ปริมาณฝุ่นเข้าสู่จมูกได้มากขึ้น ทั้งนี้ตามปกติเมื่อมีฝุ่นละอองเข้าสู่ร่างกาย ร่างกายจะมีกลไกต่อต้านทำให้เกิดการระคายเคือง เช่น เกิดอาการไอ จาม เพื่อขับฝุ่นละอองออกมา จึงขอให้ประชาชนดื่มน้ำมากๆ หรือจิบน้ำอุ่นบ่อยๆ เพราะน้ำจะทำให้ระบบทางเดินหายใจตั้งแต่หลอดลมลงไปจนถึงเนื้อปอดมีความชุ่มชื้น ช่วยให้ร่างกายขับฝุ่นละอองที่เกาะอยู่ตามหลอดลมหรือในปอดออกมากับเสมหะได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้สถานพยาบาลทุกแห่ง บริการประชาชนที่มีปัญหาอย่างเต็มที่ และให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเร่งประชาสัมพันธ์ความรู้ความเข้าใจประชาชน เพื่อป้องกันตัวเอง โดยเฉพาะการไม่เผาป่า จะเป็นวิธีที่ดีที่สุด เพราะได้ไม่คุ้มเสีย นายแพทย์สมบูรณ์ศักดิ์ ญาณไพศาล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ กล่าวว่า ที่แผนกผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ซึ่งมีเฉลี่ยวันละ 1,900 คน พบว่าขณะนี้จำนวนผู้ป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจเช่น ไข้หวัด เจ็บคอ สูงกว่าช่วงเดียวกันกับปีที่แล้วประมาณ 20-30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตามปกติผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจจะมีมากในช่วงฤดูหนาว และจะลดลงเมื่อเข้าสู่ฤดูร้อน แต่ที่นี่ยังไม่ลดลง โดยผู้ป่วย 2 ใน 3 จะเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีและผู้สูงอายุ ************************6 มีนาคม 2550


   
   


View 2       ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ