รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เล็งให้กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ วิจัยสมุนไพรรางจืด ขจัดสารพิษสารกัมมันตรังสีในสัตว์ทดลอง หลังมีงานวิจัยหลายสถาบันพบว่ารางจืดสามารถลดพิษจากสารตะกั่ว สารเคมีกำจัดศัตรูพืชได้ คาดใช้เวลา 1 ปี หากได้ผลจะเป็นข่าวดี ทั่วโลก สามารถรับมือปัญหาหากมีสารกัมมันตรังสีรั่วไหลปนเปื้อนสิ่งแวดล้อม
ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังเปิดงานโครงการรณรงค์ “เกษตรปลอดโรค ผู้บริโภคปลอดภัย สมุนไพรล้างพิษ กายจิตผ่องใส” ที่ศาลากลางจังหวัดนครนายก เพื่อรณรงค์ให้เกษตรกรในจังหวัดนครนายก ที่มีความเสี่ยงได้รับอันตรายจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่ใช้ในสวน ไร่นา ได้มีความรู้ในเรื่องของการใช้สมุนไพรรางจืด เพื่อล้างพิษในร่างกาย และส่งเสริมสนับสนุนการปลูกรางจืดไว้ใช้ในครัวเรือน เมื่อบ่ายวันนี้ (22 มีนาคม2554) ว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายส่งเสริมให้ประชาชนไทยใช้รางจืด ซึ่งเป็นสมุนไพรพื้นบ้าน ปลูกง่าย นำมาใช้ในการขับพิษจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่ตกค้างในร่างกาย ทั้งเกษตรกรผู้ปลูก รวมทั้งประชาชนทั่วไปซึ่งอาจบริโภคผักผลไม้ที่มีสารเคมีกำจัดศัตรูพืชตกค้าง ซึ่งจากการตรวจล่าสุดพบผักผลไม้สดมีสารเคมีตกค้างถึงร้อยละ 28
ดร.พรรณสิริกล่าวต่อว่า เนื่องจากขณะนี้ทั่วโลก กำลังวิตกกับภาวะสารกัมมันตรังสีที่อาจรั่วไหลจากโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิ ของประเทศญี่ปุ่น ภายหลังภัยพิบัติแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม 2554 เป็นต้นมา ซึ่งผลกระทบสุขภาพคนจากรังสี มีทั้งระยะสั้นและระยะยาว กระทรวงสาธารณสุขจึงมีแนวคิดจะทำการศึกษาวิจัยรางจืดมาใช้พิษจากสารกัมมันตรังสีในสัตว์ทดลองว่า สามารถแก้ปัญหาการปนเปื้อนของสารกัมมันตรังสีและขับพิษได้หรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาทั่วโลกรวมทั้งไทยยังไม่มีการวิจัยเรื่องนี้มาก่อน แต่มีงานวิจัยทางห้องทดลองหลายสถาบันพบว่า รางจืดมีฤทธิ์ในการลดพิษของสารตะกั่วที่มีฤทธิ์ทำลายเซลล์ประสาทสมองในหนูทดลองได้ และยังสามารถลดพิษของแมงดาทะเลได้ ทำให้ผู้ป่วยรอดชีวิต 2 ราย ได้หารือกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เพื่อดำเนินการศึกษาวิจัย คาดว่าจะใช้เวลาศึกษาทดลองประมาณ 1 ปี ใช้งบประมาณ 2-3 ล้านบาท หากสำเร็จจะเป็นข่าวดีให้คนทั่วโลก ที่จะมียาสมุนไพรรักษาพิษจากสารกัมมันตรังสีที่อาจปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม หรือในอาหารได้
สำหรับโครงการ“เกษตรปลอดโรค ผู้บริโภคปลอดภัย สมุนไพรล้างพิษ กายจิตผ่องใส” นี้ กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายจะตรวจคัดกรองเกษตรกรที่มีทั่วประเทศ 14.1 ล้านคน ให้ครบภายใน 5 ปี โดยในปี 2554 มีเป้าหมายตรวจเกษตรกร 840,000คนทั่วประเทศโดยให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล 840แห่งร่วมกับอาสาสมัครสาธารณสุข84,000คนค้นหาเกษตรกรที่มีความเสี่ยงและตรวจเลือดโดยใช้ชุดตรวจสารพิษในเลือดภาคสนามรู้ผลเร็วภายใน 10 นาทีหากพบว่าเกษตรกรมีสารพิษในเลือดในระดับที่ไม่ปลอดภัยจะนำสมุนไพรรางจืด ซึ่งเป็นสมุนไพรพื้นบ้านมาใช้ขับพิษออก ในรูปของชาชง กิน 6 กรัม ก็จะขับสารพิษออกภายใน 7 วัน
ทั้งนี้พิษจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืช มีทั้งชนิดเฉียบพลันเช่น ปวดศีรษะแน่นหน้าอกมองเห็นภาพลางเลือนอาเจียนปวดท้องและชนิดเรื้อรังโดยพิษสะสมในร่างกายแสดงอาการภายหลังที่อันตรายที่สุดคือ โรคมะเร็งสารเคมีเข้าสู่ร่างกายคน 3ทางคือทางปากการหายใจสูดสารเคมีขณะฉีดพ่น สารเคมีที่ใช้มากที่สุดคือ กลุ่มออร์กา-โนฟอสเฟตร้อยละ 58รองลงมาคือกลุ่มพาราควอทร้อยละ 31และกลุ่มคาร์บาเมตร้อยละ 22
******************************* 22 มีนาคม 2554