สาธารณสุข จับตาโรคจากภัยหนาว ในพื้นที่เสี่ยงหนาวจัด 11 จังหวัด ได้แก่ ตาก แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน เลย อุดรธานี หนองคาย สกลนคร และนครพนม ให้ดูแล 3 กลุ่มพิเศษที่ภูมิต้านทานต่ำ ได้แก่ กลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี กลุ่มผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป และกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง แนะให้เลี่ยงสิ่งที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอลง อาทิ ดื่มเหล้า นอนในที่ลมโกรก ผิงไฟในเต้นท์ ให้ดื่มน้ำบ่อยๆเพิ่มความชุ่มชื้น ป้องกันผิวแห้ง วันนี้(10 พฤศจิกายน 2553) นายแพทย์ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาภัยหนาว กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ได้ประชุมคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการฯ และประเมินสถานการณ์ของภัยหนาวในปีนี้ ซึ่งคาดหมายว่าอากาศจะหนาวเย็นที่สุดในรอบ 30 ปี และจะหนาวยาวนานกว่าทุกปี ที่ประชุมจึงได้ออกคำแนะนำการป้องกันโรคภัยหนาว ที่พบได้บ่อย 6 โรค ได้แก่ โรคไข้หวัด/ไข้หวัดใหญ่ โรคปอดบวม โรคหัด โรคหัดเยอรมัน โรคสุกใส และอุจจาระร่วง รวมถึงโรคที่เกิดจากสภาพอากาศแห้ง เช่น โรคผิวหนัง และการเสียชีวิตของผู้สูงอายุจากภัยหนาว โดยเน้นให้ทุกจังหวัดโดยเฉพาะ 11 จังหวัดที่มีอากาศหนาวจัดกว่าที่อื่น ได้แก่ ตาก แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน เลย อุดรธานี หนองคาย สกลนคร และนครพนม นายแพทย์ศิริวัฒน์กล่าวว่า กลุ่มที่มีความเสี่ยงเจ็บป่วยง่าย จะต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากภูมิต้านทานต่ำกว่ากลุ่มอื่น ได้แก่ เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือด โรคหอบหืด โรคปอดเรื้อรัง โรคตับแข็ง โรคไต และโรคโลหิตจาง กลุ่มเหล่านี้เมื่อป่วยจะมีอาการรุนแรงกว่าประชาชนทั่วไป ในการดำเนินงานจะให้ทุกจังหวัดประชาสัมพันธ์ย้ำเตือนประชาชน และประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการจัดเครื่องกันหนาว ให้แก่บุคคลเหล่านี้อย่างเพียงพอ นายแพทย์ศิริวัฒน์กล่าวต่อไปว่า ในการป้องกันภัยหนาว ขอให้ประชาชนสวมเสื้อผ้า เครื่องกันหนาวเพื่อให้ความอบอุ่นร่างกาย โดยเฉพาะที่ส่วนอก ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการสูบฉีดเลือดจากหัวใจ จะต้องให้อบอุ่นเพียงพอ หากปล่อยให้เย็นจัดจะทำให้เลือดเหนียวข้น การไหลเวียนเลือดในร่างกายติดขัด อาจเสียชีวิตได้ และให้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ให้เพิ่มอาหารประเภทแป้งและไขมันเพื่อให้พลังงานร่างกาย นอกจากนี้ขอให้ประชาชนดื่มน้ำบ่อยๆโดยเฉพาะน้ำอุ่นอย่างน้อยวันละ 1 ลิตร ซึ่งน้ำจะช่วยให้ผิวหนังชุ่มชื้นไม่แตกง่าย หากมีโลชั่นหรือน้ำมันมะพร้าวก็สามารถชโลมผิวป้องกันผิวแตกได้ สิ่งที่ควรหลีกลี่ยง ที่จะทำให้ร่างกายอ่อนแอและเสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพ ได้แก่ การดื่มสุรา นอกจากไม่ช่วยให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายแล้ว ยังทำให้ร่างกายไม่สามารถทนต่อสภาพหนาวเย็นได้ ไม่ควรผิงไฟในเต้นท์ เนื่องจากจะทำให้ร่างกายได้รับก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ที่เกิดจากการเผาไหม้เข้าสู่ร่างกาย ไม่ควรนอนในที่ร่วม ลมโกรก โดยไม่มีเครื่องป้องกันหนาว ไม่นำเด็กเล็กเข้าไปใกล้บริเวณที่ก่อไฟ เพราะควันไฟจะระคายเคืองเยื่อบุทางเดินหายใจ ทำให้เป็นหวัดง่าย ไม่ควรอยู่ในสถานที่ที่มีคนแออัด และไม่คลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วย หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ต้องใส่ใจในการป้องกัน อื่นๆ เช่น ล้างมือบ่อยๆ สวมหน้ากากอนามัย นายแพทย์ศิริวัฒน์กล่าว


   
   


View 9    10/11/2553   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ