วันนี้ (6 กันยายน2553)นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมและมอบนโยบายการพัฒนาตลาดสดไทย สู่มาตรฐานตลาดสดน่าซื้อ ที่โรงแรมเอเชียแอร์พอร์ท จังหวัดปทุมธานีว่า ผลการดำเนินงานตลาดสดน่าซื้อ ของกระทรวงสาธารณสุข พบว่าขณะนี้มีตลาดสดทั่วประเทศจำนวน 1,536 แห่ง ผ่านเกณฑ์ตลาดสดน่าซื้อ 1,189 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 77 มีตลาดที่ยังไม่ผ่านเกณฑ์อีก 347 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 23 จึงเชิญผู้ประกอบการทั้ง 347 แห่งมาประชุม เพื่อกระตุ้นให้เร่งปรับปรุงตลาดให้ได้มาตรฐานตลาดสดน่าซื้อ ซึ่งกฎกระทรวงสาธารณสุขในปี 2551 กำหนดว่าตลาดสดต้องปรับปรุงให้ได้เกณฑ์มาตรฐานน่าซื้อภายใน 3 ปี และจะครบกำหนดในวันที่ 18 มกราคม 2554หลังครบกำหนดหากมีตลาดไม่ผ่านเกณฑ์ จะต้องดำเนินการตามกฎกระทรวงสาธารณสุข โดยเจ้าพนักงานท้องถิ่นสามารถพักใบอนุญาตหรือสั่งให้หยุดกิจการได้
นายจุรินทร์กล่าวต่อไปว่า ใจจริงไม่อยากให้มีการลงโทษ จึงเชิญมาประชุมชี้แจงความเข้าใจ และเร่งรัด ขอความร่วมมือช่วยกันแก้ไขปัญหา กระทรวงสาธารณสุขจะสนับสนุนเพื่อที่จะทำให้ตลาด 347 แห่งได้เกณฑ์มาตรฐานตลาดสดน่าซื้อ 3 ด้าน คือ 1.ด้านสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม เช่น โครงสร้างตลาดมีความมั่นคง แข็งแรง มีการรักษาความสะอาด การระบายอากาศ การรวบรวมขยะ การกำจัดน้ำเสีย การวางสินค้าให้เป็นระเบียบเรียบร้อย และผู้ขายมีสุขวิทยาส่วนบุคคลที่ถูกสุขอนามัย 2.ด้านความปลอดภัยของอาหาร แผงขายอาหารในตลาดผ่านเกณฑ์ มีการตรวจสอบสารปนเปื้อนในอาหาร เช่น ตรวจไม่พบสารฟอร์มาลีน สารกันรา สารบอแรกซ์ สารฟอกขาว ยาฆ่าแมลง และตรวจไม่พบสารเร่งเนื้อแดงในเนื้อหมู และ3. ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ผู้ประกอบกิจการตลาด ต้องจัดให้มีกิจกรรมด้านการคุ้มครองผู้บริโภค เช่น จัดบอร์ดให้ความรู้แก่ผู้บริโภคในเรื่องอาหารปลอดภัย จัดให้มีชุดทดสอบสารปนเปื้อนที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และจัดให้มีเครื่องชั่งกลางที่ได้มาตรฐานไว้บริการผู้บริโภค
“ตลาดสดที่ผ่านเกณฑ์ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคที่จะได้ตลาดสดที่มีทั้งกายภาพสะอาด ถูกสุขลักษณะ มีอาหารที่ปลอดภัย ขณะเดียวกันผู้ประกอบการตลาดสดหากพัฒนาให้ได้มาตรฐานแล้ว จะเป็นแรงจูงใจให้ลูกค้ามาจับจ่ายซื้อของในตลาดสดมากขึ้น สำหรับตลาดสดที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน ผมจะเป็นผู้มอบประกาศนียบัตร เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก” นายจุรินทร์กล่าว