จากการที่คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข พ.ศ. .... เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2553 และล่าสุดศาสตราจารย์นายแพทย์สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา ได้ลงนามในหนังสือถึง สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ให้ทบทวนมติดังกล่าว และดูผลกระทบวงกว้าง เพื่อที่ร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวจะได้ไม่สร้างปัญหาต่อเนื่องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หนังสือดังกล่าวอ้างว่าร่างกฎหมายฉบับนี้ถูกเสนอโดยกลุ่มเอ็นจีโอ ร่างกฎหมายฉบับนี้ทำให้กลุ่มแพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ได้รับผลกระทบเนื่องจากมีสาระกำหนดให้ผู้เสียหายสามารถฟ้องอาญา แพทย์ ทันตแพทย์ และเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ในโรงพยาบาลของรัฐ โรงพยาบาลเอกชน คลินิกเอกชน และสถานีอนามัย นั้น
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ ว่า กรณีร่างพระราชบัญญัติการคุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข พ.ศ.... อาจเป็นความเข้าใจผิด ตามข้อเท็จจริงแล้วไม่ได้เสนอร่างของคนใดคนหนึ่งเข้าสู่การประชุมพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ตนเองเข้ามาในช่วงที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้สอบถามว่าเห็นด้วยกับร่างที่คณะกรรมการกฤษฎีกาได้พิจารณาแก้ไขเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือไม่ ได้ยืนยันว่าเห็นด้วย ซึ่งต้นร่างจริงๆ เป็นของกระทรวงสาธารณสุขเดิม ขณะนี้คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบกับร่างที่กฤษฎีกาแก้ไขและได้ส่งต่อไปยังสภาผู้แทนราษฎร และได้มีการบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่รอการพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร
นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า เข้าใจว่ากฎหมายฉบับนี้ โดยหลักการจะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย ทั้งผู้รับบริการคือผู้ป่วย และบุคลากรทางการแพทย์ที่ให้บริการ ถ้าเกิดกรณีที่เป็นอุบัติเหตุ หรือเกิดความเสียหายแก่ผู้รับบริการ จากการบริการทางการแพทย์ ก็จะมีคณะกรรมการชุดหนึ่งพิจารณาชดใช้ความเสียหายเบื้องต้น ให้กับผู้ได้รับความเสียหาย หากเป็นที่พึงพอใจก็จะเป็นการช่วยลดกรณีฟ้องร้องแพทย์และบุคลากรสาธารณสุขลงได้ เพราะมีการชดเชยที่มีกฎหมายรองรับ รวดเร็วทันท่วงทีตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด และหวังว่าจะเป็นธรรมขึ้น ในส่วนแพทย์ บุคลากรสาธารณสุข ผู้ให้บริการ จะได้ไม่ถูกฟ้องร้อง หรือถ้าถูกฟ้องร้องจริง ก็มีปริมาณที่ลดลง เพราะผู้เสียหายได้รับการชดเชยได้รวดเร็วทันท่วงที ซึ่งเป็นนโยบายที่กำหนดไว้ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งที่กระทรวงสาธารณสุข
นายจุรินทร์กล่าวต่อไปว่า ในส่วนรายละเอียดของร่างกฎหมาย หากมีข้อแก้ไขในรายละเอียดก็สามารถดำเนินการได้ เมื่อผ่านเข้าสู่สภาฯเมื่อผ่านวาระหนึ่งแล้ว ก็จะไปขั้นการพิจารณาของกรรมาธิการ ซึ่งเป็นขั้นที่แก้ไขรายละเอียดได้ ถ้าแก้ไขไปแล้วยังต้องปรับปรุงต่อไปอีก วุฒิสภาก็ยังปรับปรุงแก้ไขได้อีก หากไม่เห็นพ้องกัน ก็ยังสามารถตั้งกรรมาธิการร่วม 2สภาได้อีก ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ก็จะตั้งหน่วยงานหรือตัวแทนของฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้องเข้าไปเป็นกรรมาธิการด้วย เพื่อให้เกิดความรอบคอบและเห็นพ้องต้องกันมากที่สุด เป็นประโยชน์ต่อทั้งผู้รับบริการและบุคลากรผู้ให้บริการ ซึ่งหากไม่ให้ความเห็นชอบร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวเข้าสู่สภาฯ กฎหมายนี้ก็ไม่มีโอกาสได้นับหนึ่ง จะติดค้างอยู่เช่นนี้ ไม่มีโอกาสบังคับใช้ในอนาคต โดยคาดว่ากฎหมายฉบับนี้ จะเข้าสู่ที่ประชุมในสมัยหน้า เข้าใจว่าจะบรรจุในระเบียบวาระต้นๆของสภาผู้แทนราษฎร
*********************************** 22 มิถุนายน 2553
View 16
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ