สาธารณสุข รณรงค์หยอดวัคซีนโปลิโอให้แก่เด็กไทยและเด็กต่างชาติ ในพื้นที่เสี่ยงฟรีทั่วประเทศ ประมาณ 2.5 ล้านคน ในวันที่ 23 ธันวาคม 2552 และ 27 มกราคม 2553 เน้นพื้นที่ทุรกันดาร แนวชายแดน ชุมชนแออัด แรงงานก่อสร้าง ประมง รับจ้างทำไร่ แรงงานต่างชาติ เพื่อปกป้องเด็กไทยปลอดภัยจากโรคโปลิโอจากนอกประเทศ ในปี 2552 นี้มีผู้ป่วยโปลิโอทั่วโลก 1,457 ราย โดยพบในประเทศที่ปลอดโรคนี้เพิ่มขึ้น 3 เท่าตัว วันนี้ (11 ธันวาคม 2552) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค นายชัยรัตน์ ประเสริฐล้ำ ผู้ว่าการภาค 3350 โรตารีสากล และนางสาวมาลี ขำรักตระกูล ประธานอนุกรรมการโปลิโอพลัส 2551-52 ภาค 3350 โรตารีสากล ร่วมกันแถลงข่าว “การรณรงค์ให้วัคซีนโปลิโอระดับชาติ ประจำปี พ.ศ. 2552” นายมานิต กล่าวว่า ปัจจุบันแม้ว่าประเทศไทยจะไม่พบผู้ป่วยโปลิโอมาเป็นเวลากว่า 12 ปีก็ตาม แต่มีโอกาสเสี่ยงที่โรคจะหวนกลับมาอีก เนื่องจากบางประเทศในเอเชียยังมีการระบาดของโรคนี้อยู่ และไทยยังมีเด็กที่เกิดในกลุ่มผู้ด้อยโอกาส กลุ่มอพยพเคลื่อนย้ายแรงงานทั้งที่เป็นคนไทยและต่างด้าว อาจจะยังไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอตามระบบปกติ หรือได้รับแต่ไม่ครบถ้วนตามกำหนด ในปี 2552 นี้ กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดการรณรงค์หยอดวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอแก่เด็กไทยและเด็กต่างชาติพร้อมกันทั่วประเทศติดต่อกัน 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 ในวันที่ 23 ธันวาคม 2552 และครั้งที่ 2 ในวันที่ 27 มกราคม 2553 เพื่อตัดโอกาสการเกิดโรค โดยหยอดให้เด็กไทยอายุต่ำกว่า 5 ปี และเด็กต่างชาติอายุต่ำกว่า 15 ปี รวมประมาณ 2.5 ล้านคน จึงขอให้ผู้ปกครองพาบุตรหลานไปรับการหยอดวัคซีนดังกล่าวทั้ง 2 ครั้งที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน ฟรี ด้านนายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ใน พ.ศ. 2552 สถานการณ์การเกิดโรคโปลิโอยังไม่น่าวางใจ เนื่องจากมีปัญหาการระบาดข้ามประเทศ ทำให้มีโรคหวนกลับในประเทศที่เคยปลอดโรคแล้ว โดยตั้งแต่ 1 มกราคม 2552 - 1 ธันวาคม 2552 มีรายงานผู้ป่วยโปลิโอทั่วโลกรวม 1,457 ราย ร้อยละ 79 อยู่ในประเทศไนจีเรีย อินเดีย ปากีสถานและอัฟกานิสถาน เนื่องจากเป็นโรคประจำถิ่น พบมากที่สุดที่อินเดีย 650 ราย รองลงมาคือ ไนจีเรีย 384 ราย และพบผู้ป่วยในประเทศที่ปลอดโรคแล้ว 313 ราย โดยติดเชื้อมาจากต่างประเทศ พบมากที่สุดที่ประเทศชาด 48 ราย ซูดาน 45 ราย กินิ 36 ราย แองโกลา 28 ราย และไอวอรี่ โคลสต์ 27 ราย เป็นที่น่าสังเกตว่า เมื่อเปรียบเทียบในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2551 พบว่าโรคมีแนวโน้มระบาดในประเทศที่ปลอดโรคแล้วเพิ่มขึ้น 3 เท่าตัว สำหรับประเทศไทยได้รณรงค์ให้วัคซีนโปลิโอพร้อมกันทั่วประเทศติดต่อกันเป็นเวลา 16 ปี พบว่าสามารถให้วัคซีนแก่เด็กเป้าหมายได้ครอบคลุมมากกว่าร้อยละ 90 มาตลอด ในปี 2551 เด็กไทยได้รับวัคซีนโปลิโอครอบคลุมมากกว่าร้อยละ 96 ส่วนในเด็กต่างชาติพบร้อยละ 12 ไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อนและได้รับวัคซีนไม่ครบ 3 ครั้ง ร้อยละ 28 การรณรงค์ให้วัคซีนโปลิโอในปีนี้ เน้นเด็กที่อยู่ในพื้นที่ทุรกันดาร ชุมชนแออัด แรงงานก่อสร้าง ประมงรับจ้างทำไร่ ลูกแรงงานต่างชาติทั้งหมด รวมทั้งพื้นที่ติดชายแดนโดยเฉพาะประเทศพม่า รวมทั้งพื้นที่ที่มีรายงานการเกิดโรคคอตีบ หรือหัด ในรอบ 3 ปี หากพบเด็กป่วยจากคอตีบ 1 รายขึ้นไป หรือพบผู้ป่วยโรคหัดตั้งแต่ 10 รายขึ้นไป ถือว่ามีปัญหาการให้วัคซีนในพื้นที่ ทางด้านนายแพทย์มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โปลิโอเป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัสโปลิโอ มีชีวิตอยู่ได้เฉพาะในร่างกายคนเท่านั้น เชื้อจะออกมากับอุจจาระของผู้ป่วย หรือผู้มีเชื้อแต่ไม่มีอาการ ติดต่อกันโดยการสัมผัสหรือปนเปื้อนในอาหาร เชื้อจะไปเจริญเติบโตในลำไส้ อาการสำคัญคือ มีไข้ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร เจ็บคอ คลื่นไส้ ปวดศีรษะ ตึงหรือปวดกล้ามเนื้อบริเวณคอ ลำตัวและขา หากเชื้อเข้าสู่ระบบประสาท จะทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง แขนหรือขาเป็นอัมพาต หากเกิดที่กล้ามเนื้อกระบังลมที่ช่วยในการหายใจ อาจทำให้เสียชีวิต มักพบโรคนี้ในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี เพราะภูมิต้านทานยังไม่ดีพอและยังดูแลสุขภาพตนเองไม่ได้ โรคนี้ไม่มียารักษาหายขาด แต่ป้องกันได้โดยหยอดวัคซีนโปลิโอ 5 ครั้ง โดยหยอดให้เด็กอายุ 2,4,6 เดือน และหยอดกระตุ้นซ้ำเมื่ออายุ 1 ปีครึ่ง และ 4 ปี ดังนั้น ผู้ปกครองจึงควรพาบุตรหลานไปรับวัคซีนให้ครบตามกำหนดและนำเด็กไปรับวัคซีนโปลิโอเสริมทุกครั้งที่มีการรณรงค์ แม้จะได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์แล้วก็ตาม ซึ่งการได้รับวัคซีนหลายครั้งไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด แต่ยิ่งช่วยกระตุ้นให้ระดับภูมิคุ้มกันโรคสูงขึ้น และเพียงพอที่จะป้องกันโรคได้ และหากพบเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี มีอาการแขนขาอ่อนแรง ควรพาไปพบแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เพื่อตรวจหาเชื้อโปลิโอหรือสาเหตุอื่นๆต่อไป นายแพทย์มานิตกล่าว ***************************** 11 ธันวาคม 2552


   
   


View 10    11/12/2552   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ