สาธารณสุขทำโครงการเทิดพระเกียรติ 82 พรรษา ให้อสม.เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ค้นหาผู้พิการ ทีมแพทย์จากโรงพยาบาลกว่า 800 แห่งทั่วประเทศตรวจรับรองความพิการ เริ่มตั้งแต่ 25 พ.ย.-3 ธ.ค. 2552 เบื้องต้นพบผู้พิการรายใหม่ 122,343 คน และจะสำรวจต่อเนื่องจนถึงสิ้นเดือนนี้ โดยในปีงบประมาณ 2553 ได้จัดงบ 300 กว่าล้านบาท บริการผู้พิการทั้งอุปกรณ์และการฟื้นฟูสมรรถภาพ นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า องค์การสหประชาชาติได้ประกาศให้วันที่ 3 ธันวาคม ของทุกปี เป็น "วันคนพิการสากล" เพื่อเป็นการเสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับคนพิการ และการยอมรับคนพิการเข้าร่วมในกิจกรรมทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจรวมถึงการส่งเสริมสิทธิและศักยภาพของคนพิการ ในการประกอบอาชีพ การคุ้มครอง การสงเคราะห์ การศึกษา และการฟื้นฟูสมรรถภาพ นายวิทยา กล่าวว่า ในปี 2552 นี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดทำโครงการรวมพลังค้นหาและตรวจประเมินความพิการทุกครัวเรือนให้เข้าถึงสวัสดิการของรัฐอย่างทั่วถึง เพื่อเทิดพระเกียรติ 82 พรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นับเป็นครั้งแรกในประเทศ โดยให้ อสม.ทั่วประเทศกว่า 9 แสนคน ร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ออกค้นหาผู้พิการทุกครัวเรือนทั่วประเทศ เริ่มตั้งแต่ 25 พฤศจิกายน - 3 ธันวาคม2552 เบื้องต้น พบผู้มีความพิการชัดเจนและสงสัยพิการ รวม 642,268 คน ในจำนวนนี้มีบัตรประจำตัวแล้ว 519,925 คน ที่เหลืออีก 122,343 คนยังไม่มี ทีมแพทย์โรงพยาบาลกว่า 800 แห่งในสังกัดจะได้ตรวจยืนยันและออกหนังสือรับรองเป็นผู้พิการรายใหม่อีก และจะขยายการสำรวจไปจนถึงสิ้นเดือนนี้ หลังจากนี้จะส่งมอบรายชื่อผู้พิการทั้งหมดนี้ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์ เพื่อทำบัตรประจำตัวให้คนพิการ เพื่อรับสิทธิต่าง ๆ ต่อไป สำหรับในปีงบประมาณ 2553 กระทรวงสาธารณสุข โดย สปสช. ได้จัดงบประมาณเพื่อดูแลและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้พิการไว้ประมาณ 300 กว่าล้านบาท เฉลี่ยหัวละ 8 บาท โดยมีผู้พิการที่ขึ้นทะเบียนจำนวน 567,703 คน โดยร้อยละ 80 เป็นค่าบริการฟื้นฟูและจัดหาอุปกรณ์เครื่องช่วยคนพิการ และอีกร้อยละ 20 เป็นงบพัฒนารูปแบบบริการในโรงพยาบาล และสนับสนุนโครงการองค์กรคนพิการ เพื่อร่วมฟื้นฟูศักยภาพคนพิการด้วย ด้านนายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ความพิการของคนไทย ที่พบมากที่สุดเป็นความพิการทางกายและการเคลื่อนไหวเช่นแขนขาขาด มีร้อยละ 47 รองลงมาคือ หูหนวกร้อยละ 22 ผู้พิการอยู่ในชนบทมากกว่าเขตเมือง2 เท่า และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นตามอายุ มากที่สุดในกลุ่มอายุ75 ปีขึ้นไปถึงร้อยละ 31สาเหตุความพิการในปัจจุบันส่วนหนึ่งเกิดจากโรคไม่ติดต่อ ที่มีปัญหาแทรกซ้อน ที่พบมากที่สุดคือ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ทำให้ตาบอด ถูกตัดขา โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมฯได้กำหนดคนพิการมี9 ประเภทได้แก่ พิการทางการมองเห็น การได้ยิน การสื่อสาร การเคลื่อนไหว พิการทางจิตใจและอารมณ์ พิการทางพฤติกรรม ทางสติปัญญา การเรียนรู้และออทิสติก *************************************************** 3 ธันวาคม 2552


   
   


View 11    03/12/2552   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ