สาธารณสุข แนะประชาชนงดมอบกระเช้าปีใหม่ที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ให้เลือกซื้อกระเช้าผลิตภัณฑ์บำรุงสุขภาพกายและใจแทน วางมาตรการตรวจเข้มร่วมกับมหาดไทย หากร้านค้าฝ่าฝืนจัดกระเช้ามีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และหากมีการโฆษณาส่งเสริมการขายด้วย จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 5 แสนบาท และปรับรายวันอีกวันละไม่เกิน 5 หมื่นบาท ข้อมูลล่าสุดในช่วงมกราคม มีนาคม 2552 ครัวเรือนไทยควักเงินซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กว่า 34,000 ล้านบาท
วันนี้(10 พฤศจิกายน 2552) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายศรีสมบัติ พรประสิทธิ์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย และเภสัชกรสงกรานต์ ภาคโชคดี ผอ.สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า ร่วมกันแถลงข่าว ปีใหม่ปลอดเหล้า กระเช้าใส่ใจสุขภาพ และผลการตัดสินการประกวดกระเช้าปีใหม่ต้นแบบที่ปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ทำลายสุขภาพ เพื่อรณรงค์สร้างค่านิยมการมอบกระเช้าของขวัญปีใหม่ ไร้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสร้างทัศนคติที่ถูกต้องในการเฉลิมฉลองปีใหม่ประจำปี 2553 โดยไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หวังลดการทำลายสุขภาพ การบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการเมาสุรา ในวันนี้มีหน่วยงานและห้างสรรพสินค้าชั้นนำต่างๆเช่น มูลนิธิเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เดอะมอลล์ แมคโคร เทสโก้โลตัส บิ๊กซี คาร์ฟู ท็อปซุปเปอร์มาร์เก็ต แฟมมิลี่มาร์ท ส่งกระเช้าเข้าประกวด 11 แห่ง รวมกว่า 30 กระเช้า โดยมีสื่อมวลชนร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสินการประกวดด้วย
นายมานิต กล่าวว่า ที่ผ่านมาในช่วงเทศกาลสำคัญๆ คนไทยส่วนใหญ่มักนิยมดื่มสุราและมอบกระเช้าของขวัญที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุข โดยเฉพาะเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์ ทำให้เกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิตตามมา โดยเฉพาะอุบัติเหตุจราจรซึ่งแก้ไขมาทุกปี แต่ยังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร ในปีใหม่ 2553 ที่ใกล้จะถึงนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมมือกับภาคีเครือข่ายต่างๆทั้งภาครัฐและเอกชน รณรงค์ควบคุมการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเทศกาลปีใหม่ ให้ปฏิบัติตามกรอบกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ในมาตรา 30(5)อย่างเคร่งครัด ห้ามห้างร้านต่างๆจัดกระเช้าสำเร็จรูปที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด หากฝ่าฝืนมีความผิด มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเป็นความผิดตามมาตรา 32 กรณีที่มีการกระทำที่เป็นการโฆษณาหรือสื่อสารการตลาดร่วมด้วย และหากมีการโฆษณาส่งเสริมการขายด้วย จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 5 แสนบาท และปรับรายวันอีกวันละไม่เกิน 5 หมื่นบาท
ทั้งนี้ได้ชี้แจงผู้ประกอบการ ห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต ขณะเดียวกันได้รณรงค์สร้างค่านิยมให้ห้างร้านต่างๆเป็นต้นแบบในการรณรงค์จัดกระเช้าของขวัญที่มีผลิตภัณฑ์บำรุงสุขภาพกายและใจ เช่น หนังสือ ซีดี ฯลฯ จำหน่ายประชาชนแทนกระเช้าเหล้า โดยในเทศกาลปีใหม่นี้ กระทรวงสาธารณสุขจะขอความร่วมมือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศกำชับหน่วยงานในพื้นที่ควบคุมการจำหน่ายกระเช้าของขวัญด้วย
นายมานิต กล่าวต่อไปว่า จากการประชุมพิจารณาการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญทางนิเทศศาสตร์การตลาดกับผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่ประชุมเห็นตรงกันว่า การโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปัจจุบัน ส่วนใหญ่ผิดกฎหมายทั้งหมด โดยต้องรอให้มีกฎกระทรวงตามพระราชบัญญัติเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ออกมาก่อนจึงจะโฆษณาได้ สำหรับกฎกระทรวงฯดังกล่าวทางคณะกรรมการกฤษฏีกาพิจารณาเสร็จเรียบร้อยแล้ว และได้ส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแล้ว เพื่อเสนอให้นายกรัฐมนตรีลงนามต่อไป
ทั้งนี้จากการติดตามประเมินการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของคนไทยทั่วประเทศในเดือนมกราคม-มีนาคมปี 2552 นี้ คนไทยควักเงินซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดรวม 34,545 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 6 ของรายจ่ายครัวเรือนในหมวดผลิตภัณฑ์อาหาร เครื่องดื่ม ยาสูบและเครื่องนุ่งห่ม โดยซื้อเบียร์มากที่สุดจำนวน 22,632 ล้านบาท ซื้อสุรา/ไวน์ 11,913 ล้านบาท
สำหรับผลการตัดสินกระเช้าของขวัญปลอดเหล้า กระเช้าที่ได้รับรางวัลที่ 1 ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้แก่กระเช้าของห้างคาร์ฟู รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ ท็อปซุปเปอร์มาร์เก็ต รองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่ บิ๊กซี และรองที่ 3 ได้แก่ เดอะมอลล์สาขาสยามพารากอน ได้รับประกาศเกียรติคุณจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยกระทรวงสาธารณสุขจะนำกระเช้าที่ได้รับรางวัลไปมอบให้นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีในโอกาสต่อไป
View 25
10/11/2552
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ