กระทรวงสาธารณสุข เผยแนวโน้มการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ ยังทรงตัว มีผู้เสียชีวิตรอบ 7 วันที่ผ่านมาจำนวน 14 ราย ร้อยละ 85 มีโรคประจำตัว ยันยาต้านไวรัสทั้ง 2 ตัวรักษาใช้ได้ผลดี คาดระบาดเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปในช่วงปลายฝนต้นหนาว กำชับประชาชนอย่าประมาท ขอให้ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์บ่อยๆ คาดหน้ากากอนามัยเมื่อเข้าไปในที่แออัด ขอความร่วมมือผู้ที่เป็นไข้หวัดรับผิดชอบต่อสังคม หยุดอยู่บ้าน และคาดหน้ากากอนามัย ป้องกันคนใกล้ชิดติดเชื้อ วันนี้(19 สิงหาคม 2552)ที่กระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ศุภมิตร ชุณหสุทธิวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค นายแพทย์คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค นายแพทย์นิพนธ์ โพธิ์พัฒนชัย รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แพทย์หญิงมอรีน เบอร์มิงแฮม ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย และนายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกันแถลงข่าว สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช1 เอ็น1 นายแพทย์ไพจิตร์กล่าวว่า จากการประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯของไทย ในรอบ 7 วันที่ผ่านมา พบว่ามีแนวโน้มชะลอตัวในกทม.และปริมณฑล แต่ยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในต่างจังหวัด เริ่มชะลอตัวในกลุ่มอายุ 11-24 ปี โดยเฉพาะกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ซึ่งผู้ว่าราชการและสาธารณสุขจังหวัดแต่ละจังหวัดได้ร่วมกันเฝ้าระวังและควบคุมโรคในพื้นที่ สำหรับแนวโน้มการระบาดสำนักระบาดวิทยาคาดการณ์ว่า โรคยังมีแนวโน้มที่จะแพร่ระบาดในช่วง 2 เดือนข้างหน้า ซึ่งเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว ประกอบกับระยะนี้เป็นช่วงแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลพร้อมกันไปด้วย จึงขอย้ำเตือนประชาชนอย่าละเลยการป้องกันตัว ขอให้ล้างมือด้วยน้ำสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์บ่อยๆ และคาดหน้ากากอนามัยเมื่อไปอยู่ในที่มีคนแออัด จากการติดตามเฝ้าระวัง โดยศูนย์ไข้หวัดใหญ่แห่งชาติ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้สุ่มตัวอย่างเชื้อจากกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ผู้ป่วยที่มีอาการปอดอักเสบ และกลุ่มที่ยืนยันติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ นำมาตรวจด้วยวิธีทางพันธุกรรม(Genotyping testing) เพื่อหายีนส์ที่เกี่ยวข้องกับการดื้อยา และวิธียืนยันทางชีววิทยา (Phenotypic testing) เพื่อทดสอบการดื้อยาโอเซลทามิเวียร์และยาซานามิเวียร์ ตลอด 4 เดือนมานี้จนถึงวันที่ 10 สิงหาคม 2552 ยังไม่พบปัญหาเชื้อดื้อยาหรือเชื้อกลายพันธุ์ โรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลและไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ มีวิธีการป้องกันเหมือนกัน คือ รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ โดยออกกำลังกายเป็นประจำ พักผ่อนให้เพียงพอ ล้างมือด้วยสบู่บ่อยๆ หากเข้าไปในที่ชุมชนหนาแน่นควรสวมหน้ากากอนามัย สำหรับผู้ที่มีไข้ ให้หยุดอยู่บ้าน 7 วัน ล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้อื่น คาดหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่กับผู้อื่น สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว หากมีไข้สูง เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ซึ่งเป็นสัญญาณว่าอาจเป็นไข้หวัดใหญ่ ขอให้รีบไปพบแพทย์ทันที ส่วนผู้ที่ไม่มีโรคประจำตัว หากมีอาการดังกล่าว และไข้ยังไม่ลดภายใน 48 ชั่วโมง ขอให้ไปพบแพทย์ทันที ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุข ได้ขอให้อสม.รณรงค์เร่งให้ความรู้ประชาชนในการป้องกันตนเอง เริ่มตั้งแต่วันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหามหาราชินี และได้กระจายยาโอเชลทามีเวียร์ไปสู่คลินิก เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาได้เร็วขึ้น โดยเน้นให้แพทย์ รักษาตามแนวทางการรักษาผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ ขณะนี้มีคลินิกเข้าร่วมโครงการประมาณร้อยละ 13 ขณะเดียวกันคณะอนุกรรมการที่ปรึกษาวิชาการและยุทธศาสตร์ด้านการแพทย์และสาธารณสุขระดับชาติ และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ คณะแพทย์หลายแห่ง ได้ทบทวนตรวจสอบผลการเฝ้าระวังการดื้อยา ขณะนี้ยังไม่พบว่าเชื้อไข้หวัดใหญ่ดื้อต่อยาโอเชลทามีเวียร์ นอกจากนี้รัฐมนตรีและผู้บริหารระดับสูง ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมจังหวัดต่างๆ เพื่อประเมินสถานการณ์ กำกับการดำเนินงาน และให้กำลังใจแก่บุคลากรสาธารณสุข สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ของไทยรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ตั้งแต่ 9-15 สิงหาคม 2552 ได้รับรายงานผู้เสียชีวิต 14 ราย เป็นชาย7 ราย หญิง 7 ราย ในจำนวนนี้ร้อยละ85 มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคปอดหรือสูบบุหรี่จัด ภาวะอ้วน โรคระบบหัวใจและหลอดเลือด โรคไต โรคระบบเลือดและโรคเบาหวาน สรุปภาพรวมตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน 2552ถึงวันนี้ ไทยมีผู้เสียชีวิตรวม 111 ราย ขณะที่องค์การอนามัยโลกสรุปถึงวันที่ 11 สิงหาคม 2552 มีรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตมายังองค์การอนามัยโลก 1,735 ราย ส่วนสถานการณ์ทั่วโลก แม้ว่าขณะนี้องค์การอนามัยโลกแจ้งว่าประเทศต่างๆไม่จำเป็นต้องส่งข้อมูล จำนวนผู้ป่วยที่ตรวจยืนยันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่มายังองค์การอนามัยโลกเป็นประจำเช่นในระยะแรกของการระบาด และจะไม่มีการจัดอันดับประเทศตามจำนวนผู้ป่วยหรือผู้เสียชีวิตอีกต่อไป แต่สามารถติดตามข้อมูล สถานการณ์การระบาดในระดับนานาชาติทั้งจากองค์การอนามัยโลกและสื่อต่างๆ โดยพบว่าทั่วโลกมีการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เกือบทุกทวีปแล้ว ในออสเตรเลีย มีผู้เสียชีวิตแล้ว 104 ราย มีผู้ป่วยยืนยันกว่า 2 หมื่นราย ผู้ป่วยหนักนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลกว่า 400 ราย ประเทศญี่ปุ่นมีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย คาดว่าการระบาดทั่วโลกยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อไป *************** 19 สิงหาคม 2552


   
   


View 13    19/08/2552   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ