กระทรวงสาธารณสุข อัญเชิญตราสัญลักษณ์รูปหยดน้ำ สก และพระราชดำรัสสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ประดิษฐานที่สถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 80 แห่งทั่วประเทศ เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ ครบ 77 พรรษา เพื่อเทิดพระเกียรติและเป็นขวัญกำลังใจเจ้าหน้าที่ ได้ยึดเป็นแนวปฏิบัติสนองพระราชดำรัส
วันนี้ (10 สิงหาคม 2552) นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดสัมมนาวิชาการหัวหน้าสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษานวมินทราชินี 80 แห่งทั่วประเทศ ที่โรงแรมริชมอนด์ จังหวัดนนทบุรี เพื่อพัฒนาความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างพื้นที่ เพื่อนำไปประยุกต์พัฒนาสู่ความเป็นเลิศในการจัดบริการประชาชนในหมู่บ้านต่างๆ และเป็นต้นแบบของสถานีอนามัยทั่วประเทศที่มีกว่า 9,700 แห่ง
นายแพทย์ปราชญ์ กล่าวว่า เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ครบ 77 พรรษา ในวันที่ 12 สิงหาคม 2552 นี้ กระทรวงสาธารณสุขได้อัญเชิญตราสัญลักษณ์รูปหยดน้ำ สก และแผ่นพระราชดำรัสของสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ซึ่งได้พระราชทานแก่คณะกรรมการสภาสงเคราะห์แห่งประเทศไทยและอาสาสมัคร ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2510 ประดิษฐานที่หน้าสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติทั้ง 80 แห่งทั่วประเทศ เพื่อเทิดพระเกียรติและเป็นขวัญกำลังใจเจ้าหน้าที่ ได้ยึดเป็นแนวปฏิบัติสนองพระราชดำรัส
พระราชดำรัสดังกล่าวความว่า การที่คนไทยเรายึดอุดมคติว่า ความทุกข์สุขไม่ใช่เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล หรือเฉพาะครอบครัวใดครอบครัวหนึ่งเท่านั้น เป็นความคิดที่ทันสมัยในโลกปัจจุบัน เราจะมีความสุขแต่ลำพัง โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของคนอีกหลายคนที่แวดล้อมเราอยู่นั้นไม่ได้ ผู้มีเมตตาจิตหวังประโยชน์ส่วนรวม ย่อมรู้จักแบ่งปันความสุขเพื่อผู้อื่น และพร้อมที่จะช่วยบรรเทาความทุกข์ของผู้อื่นตามกำลังและโอกาสเสมอ
นายแพทย์ปราชญ์ กล่าวต่อว่า ในการนี้ได้มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่สถานีอนามัยมัยเฉลิมพระเกียรติ เร่งแก้ไขและปรับแก้พฤติกรรมสุขภาพประชาชนที่เป็นต้นเหตุให้เจ็บป่วย 2 เรื่องใหญ่ ได้แก่ การให้ประชาชนเลิกกินสุกๆ ดิบๆ เนื่องจากไม่กี่ปีมานี้พบว่า โรคพยาธิใบไม้ตับมีแนวโน้มพบมากขึ้นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ หลังจากที่เคยแก้ไขจนโรคลดความรุนแรงจากร้อยละ 80 เหลือร้อยละ 12 ซึ่งแม้โรคนี้มียารักษาหายขาด แต่หากไม่มีการปรับเรื่องพฤติกรรมกินสุกๆ ดิบๆ โรคก็จะหวนกลับมาเป็นอีกภายใน 6 เดือนถึง 1 ปี เรื่องที่ 2 คือ การค้นหาประชาชนกลุ่มเสี่ยงไข้หวัดใหญ่ 2009 ในหมู่บ้าน ที่จะมีอาการรุนแรงหลังติดเชื้อ โดยเฉพาะกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ ที่มีไข้ หรือเคยมีไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ต้องรีบส่งพบแพทย์เพื่อรักษาด้วยยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ทันที ซึ่งยาจะให้ผลดีที่สุดใน 48 ชั่วโมงหลังมีอาการป่วย เพื่อป้องกันการเสียชีวิตของหญิงตั้งครรภ์
************************************10 สิงหาคม 2552
View 11
10/08/2552
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ