รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปรับแผนควบคุมไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 แบ่งงานผู้บริหารเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพิ่มการรณรงค์สื่อสารประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจอาการป่วยที่ต้องรีบมาพบแพทย์ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีโรคเรื้อรังประจำตัว และมีภูมิคุ้มกันโรคต่ำ เพื่อลดการแพร่ระบาดและการเสียชีวิต
วันนี้ (11 กรกฎาคม 2552) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมผู้บริหารระดับสูง ได้แก่ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข รองปลัดกระทรวง อธิบดีทุกกรม หัวหน้าผู้ตรวจราชการ และผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมโรคระดับประเทศว่า เข้าใจดีว่าขณะนี้ประชาชนอาจมีความไม่สบายใจในการระบาดภายในประเทศของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1เอ็น 1 และกระทรวงสาธารณสุขมีความเป็นห่วงประชาชนอย่างมาก ในวันนี้ได้ปรับระบบการดำเนินงานของกระทรวงเพื่อเพิ่มความมั่นใจแก่ประชาชน โดยเฉพาะการประมวลตัวเลขผู้ป่วยให้ตรงกับความเป็นจริง เนื่องจากบางครั้งมีข้อมูลออกมาจากโรงพยาบาลรัฐ เอกชน และโรงพยาบาลนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุขคลาดเคลื่อน ได้มอบหมายให้นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประสานข้อมูลและสถานการณ์ผู้ป่วย/ผู้เสียชีวิต เพื่อให้เป็นปัจจุบันที่สุด ป้องกันประชาชนเกิดความสับสน และให้สำนักโฆษกแถลงข่าวทุกวัน
นายวิทยากล่าวว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันควบคุมโรคคาดการณ์ว่า จะพบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้ในประเทศต่อไปอีก 13 ปี และจำนวนผู้ป่วยจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากไทยกำลังเข้าสู่ฤดูการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ประจำปี จึงต้องดูแลในกลุ่มเสี่ยงเป็นพิเศษ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคเรื้อรังประจำตัวและมีภูมิคุ้มกันโรคต่ำ ซึ่งมีกว่า 2 ล้านคน ได้มอบหมายให้นายแพทย์ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประสานงานกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งมีฐานข้อมูลผู้ป่วยเรื้อรังที่มารับการรักษาในโรงพยาบาล เพื่อแจ้งให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้รีบมาโรงพยาบาลเมื่อมีอาการไข้หวัดและแจ้งให้แพทย์ผู้รักษาทราบด้วย รวมทั้งขอความร่วมมือไปรษณีย์ไทย บริษัทบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ส่งข้อมูลถึงผู้ใช้บริการทุกคนในเครือข่าย ให้เสร็จสิ้นภายใน 1 สัปดาห์ เพราะผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว จึงมีนโยบายที่จะให้ข้อมูลและคำแนะนำแก่ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวให้ถึงมือผู้ป่วยโดยเร็ว เพื่อให้ดูแลตนเองและแจ้งแพทย์เมื่อมีอาการป่วยไข้หวัดว่าตนมีโรคประจำตัวเรื้อรัง ซึ่งสอดคล้องกับคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขในการรักษาพยาบาล โดยจะให้ยาต้านไวรัสตั้งแต่แรกพบผู้ป่วยเพื่อลดการเสียชีวิต
ส่วนการเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา โดยเฉพาะในรายที่มีอาการหนัก ได้มอบให้อธิบดีกรมการแพทย์ และผู้ตรวจราชการทั้ง 18 เขต ร่วมกับคณะบดีคณะแพทย์ศาสตร์ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค วางระบบการสนับสนุนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์และร่วมรักษาผู้ป่วยทุกโรงพยาบาลทั่วประเทศ ทั้งภาครัฐและเอกชน สำหรับการรณรงค์ป้องกันโรค ได้มอบให้อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ คิดค้นรูปแบบที่เข้าใจง่าย และจัดกิจกรรมรณรงค์ให้ประชาชนปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ได้แก่ การสวมหน้ากากอนามัยเมื่อป่วย และล้างมือบ่อย ๆ โดยตั้งแต่วันจันทร์นี้เป็นต้นไป จะรณรงค์สวมหน้ากากอนามัยในโรงพยาบาลทุกแห่งในสังกัด ให้เกิดกระแส เดอะ มาส ออฟ ฮีโร่ (The Mask of Hero) ทั้งบุคลากรการแพทย์ซึ่งต้องคลุกคลีกับผู้ป่วย และให้ผู้ป่วยสวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อและรับเชื้อในโรงพยาบาล สร้างความมั่นใจว่าจะไม่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่จากโรงพยาบาล นอกจากนี้ได้มอบหมายให้แพทย์หญิงศิริพร กัญชนะ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข จัดระบบและประเมินผลความสะดวกในการใช้บริการให้ข้อมูลประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์ ทั้งหมายเลขเดิม 0 2590 3333, 0 2590 1594, 1669, 1330 และหมายเลขใหม่ 1422 ซึ่งได้รับความร่วมมือจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีและสารสนเทศ ให้บริการค่าโทรฟรีทั่วประเทศ
นายวิทยากล่าวต่อไปว่า ในเย็นวันนี้ได้มอบหมายให้นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นำทีมไปรณรงค์การป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ พร้อมนำหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือฆ่าเชื้อโรค ไปแจกผู้ชมคอนเสิร์ตบี้ เดอะสตาร์ ที่อิมแพคอารีน่า เมืองทองธานี ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในวัยเรียนและหนุ่มสาว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคด้วย
ทางด้านนายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ ว่า ผลการตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการพบผู้ป่วยเพิ่มอีก 157 ราย รวมตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน 2552 11 กรกฎาคม 2552 ไทยมีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ ทั้งสิ้น 3,228 ราย เสียชีวิต 15 รายเท่าเดิม อาการหนักอยู่ในความดูแลอย่างใกล้ชิด 6 ราย
นายแพทย์ไพจิตร์ กล่าวต่อว่า ในวันนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 45 ปี อยู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีไข้ก่อนมาโรงพยาบาล 4 วัน เข้ารับการรักษาเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2552 ด้วยอาการหอบเหนื่อย ไข้สูง แพทย์ตรวจพบภาวะปอดอักเสบ ไตวาย หัวใจโต ความดันโลหิตสูง ติดโรคฉี่หนู และยังตรวจพบว่ามีการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ เสียชีวิตในวันนี้ (11 กรกฎาคม 2552) ที่โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา ขณะนี้สาเหตุการเสียชีวิตยังไม่ทราบแน่ชัด เนื่องจากผู้ป่วยมีภาวะความผิดปกติหลายระบบ จึงจำเป็นต้องทำการตรวจชันสูตรเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์
นายแพทย์ไพจิตร์ กล่าวอีกว่า ผู้ป่วยที่มีอาการไข้หวัด หากมีไข้ 2 วัน ไข้สูง อาการไม่ดีขึ้น ให้รีบมาพบแพทย์ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ หอบหืด ปอดบวม ความดันโลหิตสูง โรคไต หัวใจ ขอให้รีบมาพบแพทย์ตั้งแต่มีไข้สูงในวันแรก และแจ้งให้แพทย์ผู้รักษาทราบด้วย
สำหรับสถานการณ์ทั่วโลก องค์การอนามัยโลกรายงานตั้งแต่ 24 เมษายน 2552 ถึง 10 กรกฎาคม 2552 ตามเวลาในประเทศไทย พบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯใน 136 ประเทศ รวมผู้ป่วยทั้งสิ้น 94,512 ราย เสียชีวิต 429 ราย อัตราป่วยร้อยละ 0.45 ประเทศที่มีรายงานผู้ป่วยยืนยันรายแรก ได้แก่ เวอร์จิ้นไอแลนด์
*********************************** 11 กรกฎาคม 2552
View 11
11/07/2552
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ