กระทรวงสาธารณสุขไทย-ลาวสานความร่วมมือเฝ้าระวังยาแผนปัจจุบันและยาแผนโบราณตกมาตรฐานต่อเนื่องในปี 2550 โดยในปี 2549 นี้ลาวตรวจพบยาลูกกลอน “ตรานกขุนทอง” ระบุสารพัดสรรพคุณบำบัด โรค และอ้างผลิตจากไทย ปนเปื้อนสารสเตียรอยด์ มีพิษอันตรายร้ายแรง ยึดและทำลายทิ้ง แจ้งข้อมูลมาไทย ในไทยพบปัญหาเกิดขึ้นกับผู้ป่วยที่จังหวัด ตาก สุโขทัย พิษณุโลก โดยไทยพร้อมมอบชุดตรวจสอบสเตียรอยด์ภาคสนามช่วยลาว รู้ผลในครึ่งชั่วโมง นายแพทย์มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จากการเดินทางไปกรุงเวียงจันทน์ ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตามคำเชิญของดร.ปอนเมก ดาลาลอย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขลาว เพื่อพัฒนาความร่วมมือในการพัฒนาโรงพยาบาลโพนโฮง ซึ่งเป็นโรงพยาบาลมิตรภาพไทย-ลาว เปิดบริการตั้งแต่พ.ศ. 2542 และความร่วมมืออื่นๆในด้านการแพทย์และสาธารณสุขของลาว การเฝ้าระวังโรคติดต่อ อาหารอันตรายและยาเถื่อน ยาตกมาตรฐานทั้งยาแผนปัจจุบันและแผนโบราณ รวมทั้งความร่วมมือระหว่างจังหวัดตามแนวชายแดนไทย-ลาวทั้ง 2 ฝั่ง เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่ดีที่สุดเหมือนพื้นที่อื่นๆ ซึ่งผลจากความร่วมมือที่ผ่านมาพบว่าได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย โดยเฉพาะการเฝ้าระวังยาเถื่อน นายแพทย์มงคลกล่าวว่า จากการหารือครั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขลาวได้แจ้งข้อมูลให้ไทยทราบว่าเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ.2549 กระทรวงสาธารณสุขลาวได้ตรวจพบยาสมุนไพรไทยที่มีชื่อว่า ตรานกขุนทอง กล่องบรรจุระบุว่าได้รับหนังสือรับรองผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์หรือโอทอป(OTOP) ทะเบียนเลขที่ 87010612094 โดยระบุสถานที่ผลิตในจังหวัดเพชรบูรณ์ของไทย ยาดังกล่าวได้แสดงสรรพคุณที่กล่องว่าเป็นยาถ่ายกษัย บำรุงธาตุ บำรุงร่างกาย แต่ในเอกสารกำกับยามีการแสดงสรรพคุณมากมาย เช่น รักษาโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรครูมาตอยด์ โรคกระเพาะอาหารเรื้อรัง ลำไส้อักเสบ โรคภูมิแพ้ หอบหืด เหน็บชา โรคเท้าช้าง ตับบวม ตับอักเสบ วัณโรค โรคไต โรคคอพอก มะเร็งปากมดลูก เป็นต้น โดยกระทรวงสาธารณสุขของลาวได้นำมาตรวจพบว่ามีการปนเปื้อนสารสเตียรอยด์ เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค ได้ทำการยึดและทำลายยาดังกล่าวและประชาสัมพันธ์เตือนประชาชนลาวไม่ให้ซื้อ หรือขายยาดังกล่าว และได้ส่งข้อมูลแจ้งมายังกระทรวงสาธารณสุขไทยผ่านทางกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อตรวจสอบยาสมุนไพรลูกกลอนดังกล่าวด้วย นายแพทย์มงคลกล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบยาสมุนไพรลูกกลอนตรานกขุนทองของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ไม่พบมีแหล่งผลิตยาดังกล่าวที่จังหวัดเพชรบูรณ์ และทะเบียนที่อ้างว่าเป็นทะเบียนตำรับยาก็ไม่มีการขึ้นทะเบียนใดๆที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเพชรบูรณ์แต่อย่างใด จึงเป็นยาสมุนไพรเถื่อน และมีอันตรายมาก โดยจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่าในเดือนมิถุนายน 2549 มีประชาชนจังหวัดตาก พิษณุโลก สุโขทัย กินยายาสมุนไพรตัวนี้จนต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล เนื่องจากพิษสเตียรอยด์ ทำให้น้ำตาลในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง และผลการตรวจวิเคราะห์ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์พิษณุโลกพบสเตียรอยด์ 2 ตัว คือเพรดนิโซโลน (Prednisolone)และเด๊กซาเมธาโซน(Dexamethasone) ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้แจ้งให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ กวาดล้างยาสมุนไพรยี่ห้อนี้แล้ว ขณะเดียวกันได้ทำหนังสือขอความร่วมมือจากกรมศุลกากรให้แจ้งเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ตรวจผลิตภัณฑ์ส่งออกที่เป็นยาก่อนปล่อยให้ส่งออกแล้ว นายแพทย์มงคล กล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับความร่วมมือการเฝ้าระวังยาตกมาตรฐานหรือยาเถื่อนทั้งยาแผนปัจจุบันและยาแผนโบราณ ไทยจะร่วมมือกับลาวต่อเนื่องในปี 2550 เพราะเป็นประโยชน์มากในการกวาดล้าง เพราะยาที่ไม่ได้มาตรฐาน มีอันตรายนอกจากก่อให้เกิดพิษในร่างกายแล้ว ยังทำให้ปัญหาเชื้อดื้อยามากขึ้น และยาเถื่อนนี้มักใช้ช่องโหว่อ้างแหล่งผลิตในต่างประเทศ เนื่องจากยากต่อการตรวจสอบข้ามประเทศ โดยไทยพร้อมจะสนับสนุนชุดทดสอบสารสเตียรอยด์ในยาให้ลาว ซึ่งใช้ง่ายมาก สามารถรู้ผลในครึ่งชั่วโมง สำหรับพิษสเตียรอยด์ยามีฤทธิ์กดการทำงานของต่อมหมวกไต หลังจากใช้เป็นระยะเวลานาน ผู้ที่ได้รับยาสเตียรอยด์นานๆ เกิดลักษณะที่เรียกว่า คัชชิ่ง ซินโดรม (Cushing's Syndrome) คือ มีอาการบวม ท้องลาย ผิวเข้มขึ้น ความดันโลหิตสูง กล้ามเนื้ออ่อนแรง เพลีย ขนขึ้นตามตัว ฯลฯ ทำให้ติดเชื้อง่ายขึ้น เพราะยาไปกดระบบภูมิคุ้มกันที่คอยต่อต้านเชื้อโรค เกิดภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ ทำให้เกิดภาวะกระดูกพรุน ความดันในลูกตาเพิ่ม ทำให้เป็นต้อหิน เลนส์กระจกตาขุ่น เกิดต้อกระจก ภาวะไขมันในเลือดสูง ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง อารมณ์และพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงง่าย คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ทางเดินอาหารระคายเคือง เกิดแผลในกระเพาะอาหาร เกิดเชื้อราในช่องปากง่ายขึ้น หากใช้ยามานานแล้วหยุดยาทันที เกิดอาการถอนยา ทำให้เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนล้า ปวดศีรษะ มีไข้ ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ น้ำหนักตัวลดลง แผลหายช้า เกิดห้อเลือด ฟกช้ำง่าย มีไขมันสะสมมากที่ตับ ตับอ่อนอักเสบ ประจำเดือนผิดปกติ หรืออาจไม่มีประจำเดือน ลดความรู้สึกทางเพศในผู้ชาย ************************************* 3 ธันวาคม 2549


   
   


View 11    03/12/2549   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ