สธ. สรุปผลน้ำท่วม จว.ใต้รอบ 25 วัน มีคนป่วย 27,000 กว่าราย พบโรคน้ำกัดเท้ามากที่สุด

สาธารณสุข สรุปผลน้ำท่วมจังหวัดใต้รอบ 25 วัน หน่วยแพทย์เคลื่อนที่พระราชทานในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ออกปฏิบัติการทั้งหมด 242 หน่วย พบคนป่วย 27,562 ราย เป็นโรคน้ำกัดเท้ามากที่สุด เครียดนอนไม่หลับ 1,900ราย นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบน้ำท่วมในจังหวัดภาคใต้ 9 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ตรัง นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ว่า ในรอบ 25 วัน ตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน 2551 – 14 ธันวาคม 2551 หน่วยแพทย์เคลื่อนที่พระราชทานในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร จากโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลชุมชนในสังกัด ออกปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องทั้งหมด 242 หน่วย มีประชาชนเจ็บป่วยทั้งหมด 27,562 ราย พบโรคน้ำกัดเท้าสูงเป็นอันดับ 1 ร้อยละ 39 รองลงมาคือไข้หวัดร้อยละ 32 และพบโรคเครียด นอนไม่หลับร้อยละ 7 หรือประมาณ 1,900 ราย ในจำนวนนี้ไม่มีใครมีอาการหนัก ถึงขั้นต้องนอนโรงพยาบาล หน่วยแพทย์ฯ จะออกปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ปกติ โดยศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้านการแพทย์และสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดส่งยาและเวชภัณฑ์ช่วยเหลือพื้นที่เพิ่มเติมอีก 134,000 ชุด นายแพทย์ปราชญ์กล่าวต่อว่า ในช่วงนี้ยังมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ได้ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เฝ้าระวังโรคอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะโรคฉี่หนูหรือโรคเลปโตสไปโรซิส ซึ่งเป็นโรคติดต่อจากสัตว์มาสู่คน และพบในภาคใต้ด้วย โดยเชื้อโรคฉี่หนูจะออกมากับปัสสาวะของสัตว์ที่ติดเชื้อ เช่น หนู วัว ควาย ปนเปื้อนอยู่ในน้ำและดินที่เปียกชื้น หรือปนเปื้อนพืช ผักตามไร่นา เชื้อโรคชนิดนี้สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ 2 ทาง คือทางผิวหนัง ผ่านทางรอยแผล รอยถลอกขีดข่วน หรือผ่านผิวหนังปกติที่แช่อยู่ในน้ำนานๆ ก็ได้ และจากการรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อ อาการของโรคฉี่หนู หลังติดเชื้อประมาณ 10 วันจะมีอาการไข้สูง ปวดศีรษะรุนแรง ปวดกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะที่น่อง หากมีอาการดังกล่าวอย่าซื้อยากินเอง ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน โรคนี้มียารักษาหายขาด หากปล่อยทิ้งไว้จนเชื้อกระจายไปอวัยวะต่างๆแล้ว จะรักษายากและอาจเสียชีวิตได้ ในการป้องกันโรคดังกล่าวในพื้นที่น้ำท่วมขัง ประชาชนควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสโรค ไม่ลงไปในแหล่งน้ำหรือที่ชื้นแฉะ ถ้าจำเป็นต้องเดินลุยน้ำ ควรสวมใส่รองเท้าบู๊ทที่ป้องกันน้ำได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อเข้าสู่ผิวหนัง และหลังลุยน้ำต้องล้างเท้าให้สะอาดและเช็ดให้แห้ง ************************************ 15 ธันวาคม 2551