รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยคูเวตชื่นชมความก้าวหน้าและบริการด้านการแพทย์ของไทย มีมาตรฐานระดับสากล ขอความร่วมมือไทยช่วยผลิตพยาบาลวิชาชีพป้อนโรงพยาบาลในคูเวต 200-300 คน รวมทั้งส่งแพทย์มาดูงานในโรงพยาบาลของไทย บ่ายวันนี้ (17 ตุลาคม 2551) ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอาลี มูฮัมหมัด ซายีฟ อัล-บัรรอก (H.E.Mr.Ali Mohammad Saif Al Barrak) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขแห่งรัฐคูเวต และ นายฮาฟีซ มูฮัมเหม็ด ซาเล็ม อัล-อัจไม (H.E.Mr.Hafeez Mohammed Salem Al-Ajmi) เอกอัครราชทูตแห่งรัฐคูเวต ประจำประเทศไทย และคณะ ได้เข้าพบ ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อหารือเกี่ยวกับการขอความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างสองประเทศ ร.ต.อ.ดร.เฉลิม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเข้าพบ ว่า การเข้าพบครั้งนี้ ทางคูเวตจึงได้หารือความร่วมมือในหลักการกับไทย 2 ประเด็น ได้แก่ การส่งแพทย์ของคูเวตมาศึกษาดูงานด้านการแพทย์ของไทย และ ขอให้ไทยช่วยผลิตพยาบาลวิชาชีพ ไปทำงานในโรงพยาบาลที่คูเวต ซึ่งมีความต้องการประมาณ 200-300 คน เนื่องจากพยาบาลไทยมีคุณภาพ ให้บริการด้วยอัธยาศัยที่ดี โดยกระทรวงสาธารณสุข จะส่งเจ้าหน้าที่พูดคุยหารือกันในรายละเอียดต่อไป ร.ต.อ.ดร.เฉลิม กล่าวต่อว่า หลังจากที่รัฐบาลไทยได้มีนโยบายพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์ของเอเชีย (Medical Hub of Asia) สถานพยาบาลทั้งของภาครัฐและเอกชน มีการพัฒนาศักยภาพด้านอย่างต่อเนื่อง จนหลายแห่งได้มาตรฐานสากล เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ มีชาวต่างประเทศมาใช้บริการเพิ่มขึ้นทุกปี โดยเฉพาะแถบตะวันออกกลาง เช่น ชาวคูเวต นิยมมารับบริการรักษาพยาบาลในประเทศไทยกันมาก เพราะสะดวกในการเดินทาง มีบริการเป็นที่ประทับใจ และค่ารักษาพยาบาลไม่สูง แนวโน้มจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ ด้านแพทย์หญิงศิริพร กัญชนะ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายที่จะพัฒนาโรงพยาบาลในสังกัด เพื่อรองรับนโยบายการเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์ของเอเชีย ในด้านการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร โดยนำร่อง 2 แห่ง คือ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีธรรมชาติสวยงาม อากาศดี เหมาะแก่การพักฟื้นของผู้ป่วย และมีความก้าวหน้าในเรื่องการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร ซึ่งเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติสูง อีกแห่งคือ โรงพยาบาลระนอง ซึ่งเป็นจังหวัดท่องเที่ยว มีน้ำแร่ธรรมชาติคุณภาพดี มีความโดดเด่นในเรื่องสปาเพื่อสุขภาพ และมีแผนที่จะพัฒนาโรงพยาบาลในสังกัดที่อยู่ในกรุงเทพฯ ขึ้นมารองรับส่วนนี้เช่นกัน เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนในเมือง ที่มีข้อจำกัดในการเดินทางไปรักษาต่างจังหวัด รวมทั้งชาวต่างชาติที่มาเที่ยวกรุงเทพฯ ซึ่งติดอันดับเมืองน่าท่องเที่ยวของโลกด้วย ****************************** 17 ตุลาคม 2551


   
   


View 21    17/10/2551   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ