ปลัด สธ. สั่งตั้งศูนย์ EOC รับมือ "อหิวาต์" พร้อมให้การสนับสนุนทีมช่วย "เมียนมา" ควบคุมป้องกันโรค เข้มเฝ้าระวังจุดเสี่ยงในไทย
- สำนักสารนิเทศ
- 241 View
- อ่านต่อ
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยืนยัน ไทยมีระบบเฝ้าระวัง คัดกรอง ตรวจจับโควิด 19 สายพันธุ์โอมิครอนอย่างรัดกุมในผู้ที่เดินทางเข้าประเทศทุกราย และจะไม่ลดมาตรฐานการคัดกรอง ส่วนวัคซีนโควิด 19 ทุกแพลตฟอร์มที่ไทยใช้ยังช่วยลดอาการป่วยหนักและเสียชีวิตได้
วันนี้ (16 ธันวาคม 2564) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า กระทรวงสาธารณสุขมีระบบเฝ้าระวัง คัดกรอง ตรวจจับโควิด 19 สายพันธุ์โอมิครอนอย่างรัดกุมในผู้ที่เดินทางเข้าประเทศทุกราย และจะไม่ลดมาตรฐานการคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศตามช่องทางที่ถูกกฎหมายทุกคนต้องมีผลการตรวจหาเชื้อจากประเทศต้นทางด้วยวิธี RT-PCR ไม่เกิน 72 ชั่วโมง และตรวจซ้ำเมื่อเดินทางถึงประเทศไทย เพื่อความปลอดภัย ขณะนี้ผู้ติดเชื้อโควิด 19 สายพันธุ์โอมิครอนที่พบยังคงเป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และแนวโน้มของอาการป่วยไม่น่าจะรุนแรงเท่าสายพันธุ์ที่เคยพบมา
อย่างไรก็ตาม ได้มีการหารือกับผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ ผู้ผลิตวัคซีน และแพทย์มาโดยตลอดเกี่ยวกับวัคซีนโควิด 19 ว่าสามารถป้องกันสายพันธุ์นี้ได้หรือไม่ ซึ่งมีความเห็นตรงกันว่าวัคซีนที่ประเทศไทยนำมาใช้ทุกแพลตฟอร์ม ทุกยี่ห้อ ยังช่วยลดอาการป่วยหนักและเสียชีวิตจากโรคโควิด 19 สายพันธุ์โอมิครอนได้ แม้จะเป็นวัคซีนเชื้อตาย แต่เมื่อดูจากผลสัมฤทธิ์ของวัคซีน ในประเทศจีนซึ่งมีประชากร 1,500 ล้านคน ก็ยังสามารถป้องกันได้
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้มีการรณรงค์ฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 แก่ประชาชน โดยห่างจากเข็ม 2 เป็นเวลา 3 เดือน จากเดิม 6 เดือน เพื่อเร่งสร้างภูมิคุ้มกัน และสร้างความมั่นใจแก่ประชาชน ขอยืนยันว่ามีวัคซีนทุกแพลตฟอร์มเพียงพอสำหรับประชาชนทุกคน แต่นอกจากการฉีดวัคซีนแล้ว ความร่วมมือ ความเข้าใจ การระมัดระวังตัวขั้นสูงสุดตามหลักการ Universal Prevention คือสิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้ทุกคนปลอดภัยจากการติดเชื้อโควิด 19 นายอนุทินกล่าวในตอนท้าย
*********************************** 16 ธันวาคม 2564