กระทรวงสาธารณสุข แจงการประเมินสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิดต้องพิจารณาค่าเฉลี่ย 7 วัน ย้ำทุกฝ่ายต้องเข้มมาตรการป้องกันต่อเนื่อง เพื่อประเมินสถานการณ์สำหรับเปิดกิจการกิจกรรมในระยะถัดไป ส่วนวัคซีนไฟเซอร์อีก 6 แสนโดสไม่ได้หายจากระบบ แต่เป็นส่วนของพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดสำหรับฉีดเข็ม 2 ในกลุ่ม 608

          บ่ายวันนี้ (9 กันยายน 2564) ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โควิด 19 ว่า วันนี้ประเทศไทยมีผู้ป่วยโควิด 19 รักษาหาย 15,417 ราย ส่วนผู้ติดเชื้อรายใหม่หลังมีจำนวนน้อยกว่าผู้รักษาหายมาต่อเนื่อง วันนี้พบสูงกว่าคือ 16,031 ราย ซึ่งการประเมินสถานการณ์ต้องพิจารณาค่าเฉลี่ย 7 วัน ส่วนการประเมินสถานการณ์หลังมีการเปิดกิจการกิจกรรมวันที่ 1 กันยายนเป็นต้นมา เพื่อพิจารณาการเปิดกิจการ/กิจกรรมเพิ่มขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์ถัดไป จะมีการพิจารณาจากองค์ประกอบหลายๆ ส่วน ไม่เฉพาะผู้ติดเชื้อรายใหม่ โดยกระทรวงสาธารณสุข จะยังเข้มข้นมาตรการคัดกรองกักตัวผู้เดินทางจากต่างประเทศและตามแนวชายแดนเพื่อเฝ้าระวังเชื้อกลายพันธุ์ด้วย และขอย้ำให้ทุกคนใช้มาตรการป้องกันตัวเองสูงสุด ทุกที่ ทุกเวลา

         “หลายคนกังวลว่าขณะนี้มีการตรวจค้นหาเชิงรุกน้อยลงหรือไม่ ขอชี้แจงว่า ช่วงที่มีการระบาดมาก ทำให้มีผู้สัมผัสจำนวนมากจึงตรวจพบผู้ติดเชื้อจำนวนมาก แต่ช่วงนี้การระบาดลดลง ทำให้มีผู้สัมผัสเสี่ยงน้อยลง การตรวจจึงน้อยลงด้วย แต่ได้มีการจัดระบบเฝ้าระวังพิเศษ สุ่มตรวจในกลุ่มเสี่ยง เช่น กทม.เตรียมแผนสุ่มตรวจคนทำงานในตลาดต่างๆ โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าว เป็นต้น” นายแพทย์เฉวตสรรกล่าว

          ส่วนการเสียชีวิตที่ยังสูงกว่า 200 รายมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่ผู้ติดเชื้อลดลงแล้วนั้น เนื่องจากเป็นผู้ติดเชื้อในช่วงที่มีการระบาดมาก หลายคนมีอาการรุนแรงและเสียชีวิตหลังการรักษาเฉลี่ย 1-2 สัปดาห์ บางรายอาจถึง 45 วัน ทำให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตลดลงช้ากว่าผู้ติดเชื้อรายใหม่ โดยส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ กลุ่มโรคเรื้อรัง รวมทั้งหญิงตั้งครรภ์ที่ยังมีรายงานเสียชีวิตเกือบทุกวัน บุคคลร่วมบ้านที่มีความเสี่ยงจึงต้องป้องกันตนเองตลอดเวลาเพื่อไม่ให้นำเชื้อไปติดที่บ้าน จึงขอให้กลุ่มเสี่ยงไปรับการฉีดวัคซีนโดยเร็ว ซึ่งวัคซีนสูตรไขว้มีประสิทธิผลกระตุ้นภูมิคุ้มกันเร็วและสูง รับมือสายพันธุ์เดลตาได้ ขณะนี้ฉีดวัคซีนผู้สูงอายุพื้นที่ กทม.ครอบคลุมแล้ว 98% ปทุมธานี 70% และกระจายวัคซีนไปจังหวัดต่างๆ อย่างทั่วถึง เชื่อว่าจะฉีดได้ครอบคลุมมากขึ้นในเวลาไม่นาน

         โดยวันที่ 8 กันยายน 2564 ฉีดได้ 713,454 โดส เป็นเข็มสอง 372,592 โดส เข็มแรก 338,105 โดส และเข็มสาม 2,757 โดส ยอดฉีดสะสม 38,147,738 โดส  สำหรับวัคซีนไฟเซอร์ที่ได้รับบริจาค 1.5 ล้านโดส ฉีดเข็มแรก 391,074 โดส เข็มสอง 163,017 โดย และเข็มสาม 394,777 โดส รวมแล้วประมาณ 9 แสนกว่าโดส ที่เหลือ 6 แสนโดส ไม่ได้หายออกจากระบบ แต่จะใช้สำหรับฉีดเป็นเข็มสองในกลุ่มเสี่ยง 608 พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ซึ่งต้องเว้นระยะห่างจากเข็มแรก 3-4 สัปดาห์ โดยเป็นการทยอยส่งตามกำหนดที่จะต้องฉีดประชาชน เนื่องจากวัคซีนที่ออกจากอุณหภูมิติดลบ เมื่อส่งไปพื้นที่จะมีอายุสั้นลงเหลือเพียง 30 วัน

 **************************************  9 กันยายน 2564

**********************************



   
   


View 786    09/09/2564   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ