รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สั่งการโรงพยาบาลบ้านฉาง โรงพยาบาลระยอง และโรงพยาบาล มาบตาพุด ให้การดูแลผู้ป่วยที่สูดไอระเหยของสารกลุ่มเบนซีนรั่วจากโรงงานพีทีที ฟีนอล เขตนิคมอุตสาหกรรมเหมราช อย่างเต็มที่ เบื้องต้นมีผู้ป่วย 70 คน ไม่มีรายใดอาการหนัก พร้อมส่งเจ้าหน้าที่จากกรมควบคุมโรค เฝ้าระวังสิ่งแวดล้อมรอบโรงงาน และตรวจเลือดคนงานที่สัมผัสก๊าซทุกคน เพื่อติดตามปัญหาสารเคมีตกค้างในร่างกาย
นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังเกิดเหตุก๊าซรั่วในโรงงาน พีทีที ฟีนอล จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเหมราช ต.มาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง เมื่อช่วงเที่ยงเศษวันนี้ (10 มิถุนายน 2551) ว่า ได้สั่งการให้โรงพยาบาลในพื้นที่ ประกอบด้วย โรงพยาบาลมาบตาพุด โรงพยาบาลบ้านฉาง และโรงพยาบาลระยอง ซึ่งมีบริการผู้ป่วยจากอุบัติเหตุสารเคมีทุกประเภทเป็นการเฉพาะ ให้การดูแลผู้ป่วยอย่างเต็มที่ เบื้องต้นได้รับรายงานว่ามีผู้ป่วยจากการสูดก๊าซเข้าไปทั้งหมด 70 คน ส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลบ้านฉาง 3 คน และโรงพยาบาลระยอง 67 คน ในจำนวนนี้แพทย์ได้รับไว้รักษาตัวในโรงพยาบาลแล้ว 20 คน ที่เหลืออีก 47 คน อยู่ระหว่างการเฝ้าสังเกตุอาการ ขณะนี้ยังไม่มีผู้ป่วยอาการหนัก หรือเสียชีวิตแต่อย่างใด
ขณะเดียวกันได้สั่งการให้กรมควบคุมโรค ส่งทีมเจ้าหน้าที่ด้านอาชีวอนามัย ไปเฝ้าระวังปัญหาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่จุดเกิดเหตุเป็นการด่วนแล้ว รวมทั้งเจาะเลือดพนักงานที่สัมผัสก๊าซทุกคน เพื่อติดตามปัญหาสารเคมีตกค้างในร่างกาย ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของพนักงานในอนาคตด้วย
ด้านนายแพทย์ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สารเคมีที่รั่วไหลครั้งนี้ เป็นสารประกอบอินทรีย์ที่ชื่อ เบนซีน ซึ่งใช้ในการผลิตซีนอลที่ใช้ในอุตสาหกรรมเม็ดพลาสติก การหายใจสูดเอาไอระเหยของสารชนิดนี้เข้าไป จะมีอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ ทำให้เกิดการระคายเคือง เกิดโรคปอดอักเสบ และเป็นอันตรายต่อระบบประสาทส่วนกลาง ตับและไต ทำให้ปวดศีรษะ มึนงง วิงเวียน มองเห็นไม่ชัด เหนื่อย สั่น ชัก หมดสติ หัวใจหยุดเต้น และหากสูดก๊าซสะสมในร่างกายติดต่อกันเป็นเวลา 5-10 ปี จะมีผลต่อไต ทำให้ไตวายเรื้อรังได้
ทั้งนี้ ร่างกายจะสามารถขับสารนี้ออกจากร่างกายได้ตามธรรมชาติ ทางการหายใจและทางปัสสาวะ ภายใน 24-48 ชั่วโมง โดยจะให้เจ้าหน้าที่อาชีวอนามัยของกรมควบคุมโรค ร่วมกับโรงพยาบาลระยอง ประสานงานกับโรงงานพีทีที ฟีนอล ดูแลเฝ้าระวังผลกระทบจากก๊าซดังกล่าวอย่างใกล้ชิดต่อไป
****************************** 10 มิถุนายน 2551
View 15
10/06/2551
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ