รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สั่งตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีแพทย์รพ.วชิระภูเก็ต ทำหมันแม่หลังผ่าตัดคลอด เนื่องจากความเข้าใจผิดว่าติดเชื้อเอดส์ เพื่อให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย และให้รายงานผลภายใน 2 สัปดาห์ พร้อมกำชับโรงพยาบาลทั่วประเทศวางมาตรการป้องกันปัญหาการให้บริการ รวมทั้งตั้งเจ้าหน้าที่ไกล่เกลี่ยเจรจากับผู้ป่วย เพื่อความเข้าใจ ลดความรุนแรงในขั้นต้น
จากกรณีนางเยาวรักษ์ แซ่ลี้ อายุ 32 ปี ร้องเรียนผ่านสื่อมวลชน ว่า ตั้งครรภ์แรก ฝากครรภ์ที่คลินิกของสูตินรีแพทย์ประจำโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต จ.ภูเก็ต และผ่าตัดคลอดเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2551 ที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต หลังผ่าตัด 23 วัน แพทย์ได้แจ้งว่าเกิดความผิดพลาดขึ้น เนื่องจากพยาบาลนำประวัติคนไข้มาให้ผิด ระบุว่าติดเชื้อเอชไอวี จึงตัดสินใจทำหมันให้โดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า โดยได้เจรจากับคณะแพทย์ที่ผ่าตัดและผู้อำนวยการรพ. ซึ่งยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และจะผ่าตัดแก้หมันให้ แต่ไม่สามารถรับรองว่าจะได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์หรือไม่ จึงตัดสินใจจะไปผ่าตัดแก้หมันที่โรงพยาบาลอื่นและเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท
เกี่ยวกับความคืบหน้าในเรื่องนี้ นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ภายหลังรับทราบเรื่องได้สั่งการให้ผู้ตรวจราชการและนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทั้ง 2 ฝ่ายโดยเร็ว และรายงานผลภายใน 2 สัปดาห์ เนื่องจากมีผลกระทบกับผู้ป่วยที่ต้องวิตกกังวล และต้องผ่าตัดแก้ไขครั้งที่ 2 เพื่อให้สามารถมีบุตรได้ ขณะเดียวกันรู้สึกเห็นใจแพทย์เจ้าของไข้ ซึ่งทำไปด้วยความตั้งใจดีต่อผู้ป่วย เพราะเข้าใจเรื่องนี้ดี ปัญหาผิดพลาดที่ผ่านมาล้วนเป็นความบกพร่องที่ต้องเร่งแก้ไข ได้กำชับให้โรงพยาบาลทั่วประเทศ เข้มงวดในเรื่องการให้บริการให้รัดกุม ปลอดภัย และคำนึงถึงสิทธิผู้ป่วย
อย่างไรก็ดีอยากให้ทั้ง 2 ฝ่ายเจรจากันด้วยความเข้าใจ เห็นใจซึ่งกันและกัน และให้โรงพยาบาลทุกแห่งถือเป็นหลักการปฏิบัติเบื้องต้น เมื่อเกิดข้อผิดพลาดจากการบริการขึ้น ให้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ที่มีทักษะความชำนาญด้านการไกล่เกลี่ย ทำหน้าที่นี้โดยตรง เข้าใจว่าหากทั้ง 2 ฝ่ายเกิดความเข้าใจกันเรื่องจะยุติลงด้วยดี ไม่ต้องถึงขั้นฟ้องร้อง ขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขมิได้นิ่งนอนใจ ได้ผลักดันการตั้งกองทุนเยียวยาผู้ให้บริการและผู้ได้รับความเสียหายจากบริการทางการแพทย์ เพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนอีกทางหนึ่งด้วย
ทางด้านนายแพทย์เจษฎา จงไพบูลย์พัฒนะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต กล่าวว่า โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว พบว่าเป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากระบบบริการ พร้อมรับผิดชอบดำเนินการช่วยเหลือผู้เสียหายรายนี้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการผ่าตัดแก้หมันเพื่อต่อท่อนำไข่ติดกันเหมือนเดิม ซึ่งโรงพยาบาลมีสูติแพทย์เชี่ยวชาญสามารถทำได้ แต่หากผู้ป่วยไม่มั่นใจต้องการไปรับบริการที่อื่นก็พร้อมที่จะส่งตัว และรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด แม้ว่าผู้ป่วยจะมีสิทธิประกันสังคมก็ตาม
ส่วนข้อบกพร่องของระบบบริการ ได้เรียกประชุมคณะกรรมการบริหารโรงพยาบาล วิเคราะห์ความเสี่ยงจุดบริการ เพื่อแก้ไขไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำสอง โดยใช้ระบบการตรวจสอบซ้ำ ในกรณีผ่าตัดจะต้องตรวจสอบจากหอผู้ป่วยและห้องผ่าตัดให้ตรงกัน และในการผ่าตัดใดๆ ก็ตาม จะต้องแจ้งเหตุผลการรักษาให้ผู้ป่วยหรือญาติรับทราบ และเซ็นยินยอมทุกครั้ง รวมทั้งการตรวจชันสูตรทางห้องปฏิบัติการ จะต้องตรวจสอบให้ตรงกัน เพราะมีผลต่อการวินิจฉัยรักษาของแพทย์โดยตรง
**************************** 6 มิถุนายน 2551
View 9
06/06/2551
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ