กระทรวงสาธารณสุข  นำบทเรียนจากอดีตมาใช้เพื่อก้าวสู่ศตวรรษที่สองของการสาธารณสุขไทย ให้เป็นศตวรรษแห่งการสร้างสรรค์เพื่อประชาชนสุขภาพดี เจ้าหน้าที่มีความสุข ระบบสุขภาพยั่งยืน

         วันนี้ (14 ธันวาคม 2560) ที่กระทรวงสาธารณสุข ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์เจษฎา  โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกันปลูกต้นการบูรที่ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ให้เป็นต้นไม้ประจำกระทรวงสาธารณสุข” และแถลงข่าว 100 ปี การสาธารณสุขไทย
          ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกลกล่าวว่า จากอดีตถึงปัจจุบันประเทศไทยต้องเผชิญปัญหาสาธารณสุขใหม่ๆ เช่น โรคอุบัติใหม่ โรคอุบัติซ้ำ ปัญหาภัยพิบัติ รวมทั้งผลกระทบจากโลกาภิวัฒน์ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งระบบการสาธารณสุขไทยมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและดีขึ้น  โรคติดต่ออันตรายหลายโรคถูกกำจัดให้หมดไปเช่น อหิวาตกโรค  ไข้ทรพิษ กาฬโรค  หลายโรคมีวัคซีนป้องกัน  มียารักษา ประชาชนเข้าถึงบริการสาธารณสุขมากขึ้น ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น ดังนั้นในโอกาส 100 ปีการสาธารณสุขไทยที่จะครบรอบในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2561 นี้ จะได้ทบทวนและนำบทเรียนจากอดีตมาใช้เพื่อก้าวสู่ศตวรรษที่สองของการสาธารณสุขไทย ให้เป็นศตวรรษแห่งการสร้างสรรค์ เพื่อเป็นบทเรียนสำหรับกำหนดการพัฒนาในอนาคต

         ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นองค์กรหลักของประเทศด้านสุขภาพ ได้เร่งพัฒนาระบบสุขภาพ ครอบคลุมทุกมิติ ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีด้านสาธารณสุข ให้มีความเป็นเลิศใน 4 ด้าน ทั้งด้านการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค ระบบบริการ คน และระบบบริหารจัดการ เพื่อให้ประชาชนสุขภาพดี เจ้าหน้าที่มีความสุข ระบบสุขภาพยั่งยืน โดยบูรณาการหน่วยงานและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องดูแลสุขภาพประชาชนทุกกลุ่มวัย และปฏิรูประบบบริการในทุกระดับ ตั้งแต่ระบบบริการปฐมภูมิ ขับเคลื่อนให้เกิด “คลินิกหมอครอบครัว” ที่มีแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์ครอบครัวและทีมสหวิชาชีพ 1 ทีม ดูแลสุขภาพประชาชน 10,000 คน ขณะนี้มี 596 ทีม จะเพิ่มเป็น 1,170 ทีมในปี 2561 และการดูแลผู้สูงอายุในภาวะพึ่งพิงระยะยาว และตั้งคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ ดำเนินการพัฒนาแก้ไขปัญหาสุขภาพของพื้นที่ โดยการมีส่วนร่วมและเป็นหุ้นส่วนของทุกภาคส่วน
          สำหรับการพัฒนาระบบบริการ ได้ให้ทุกเขตสุขภาพดำเนินการพัฒนาใน 19 สาขา และศูนย์ความเป็นเลิศโรคที่สำคัญ เช่น มะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด อุบัติเหตุ โดยความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและราชวิทยาลัย  พัฒนาความเป็นเลิศด้านวิชาการ บุคลากร และการบริการ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการที่มีคุณภาพภายในเขตสุขภาพ ลดความแออัด ลดความเหลื่อมล้ำ นอกจากนี้ ได้กำหนดเป้าหมายการป้องกันควบคุมวัณโรคซึ่งไทยติดอันดับ 1 ใน 14 ประเทศที่มีผู้ป่วยมากที่สุด จะลดอัตราป่วยให้ต่ำกว่า 10 ต่อแสนประชากรภายในพ.ศ. 2578 ตามที่องค์การอนามัยโลกกำหนด  รวมทั้งเร่งสร้างความรอบรู้ทางสุขภาพให้ประชาชนสามารถดูแลตนเองได้ และมีความรับผิดชอบต่อสุขภาพของตนเอง ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
 ด้านนายแพทย์เจษฎา  โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในปี 2560 – 2561 กระทรวงสาธารณสุข ได้กำหนดให้เป็นปีแห่งการเฉลิมฉลอง “โครงการ 100 ปี การสาธารณสุขไทยประชารัฐร่วมใจสาธารณสุขไทยก้าวหน้า” มีกิจกรรมต่างๆ เช่น  การจัดตั้งพิพิธภัณฑ์กระทรวงสาธารณสุขชื่อ “พิพิธภัณฑ์การสาธารณสุขและการแพทย์ไทย” รวมถึงสนับสนุนกรมและหน่วยงานจัดตั้งพิพิธภัณฑ์หรือจัดแสดงนิทรรศการทางประวัติศาสตร์ให้มีพื้นที่การเรียนรู้จากประวัติศาสตร์ จัดตั้งหอจดหมายเหตุสุขภาพไทย เก็บรักษาเอกสารสำคัญ การอนุรักษ์อาคารเก่าที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ มีการวิจัยเกี่ยวกับประวัติศาสตร์สุขภาพ จัดทำหนังสือประวัติศาสตร์สาธารณสุข ผลิตสื่อเอกสารและสารคดีที่มีคุณค่าเผยแพร่ นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมในส่วนภูมิภาคทั้ง 12 เขตสุขภาพหมุนเวียนกันทุกเดือน เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์ เช่น การปรับปรุงโรงพยาบาลทั่วประเทศให้มีภูมิทัศน์และสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเยียวยาผู้ป่วย การจัดนิทรรศการ การรณรงค์สร้างเสริมสุขภาพ เป็นต้น 

     ทั้งนี้ ในโอกาสที่ก้าวเข้าสู่วาระ100 ปี ของการสาธารณสุขไทย กระทรวงสาธารณสุข ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ    สยามบรมราชกุมารี พระราชทาน “ต้นการบูร” ให้เป็นต้นไม้ประจำกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ เนื้อไม้สีน้ำตาลปนแดง เมื่อนำมากลั่นแล้วจะได้ “การบูร” ทุกส่วนมีกลิ่นหอม มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงหัวใจ ยาระงับประสาท แก้โรคตา แก้เลือดลม แก้ปวดฟัน แก้ไอ แก้ปวดท้อง  เกล็ดของการบูร  ใช้ทาแก้โรคผิวหนัง ผดผื่นคัน
*********************************** ธันวาคม 2560
 
 
 
 
 
 
 



   
   


View 34    14/12/2560   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ