ปลัดกระทรวงสาธารณสุข สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ และอาสาสมัครสาธารณสุข ให้เฝ้าระวังการขายสมุนไพรจากรถเร่ ทั้งสมุนไพรปรุงยาหม้อ และสมุนไพรแปรรูป ที่เข้าไปขายถึงหมู่บ้านและให้ทดลองกินก่อน ให้ควบคุมตรวจสอบมาตรฐาน และลงโทษอย่างเด็ดขาด ในช่วงต้นปีนี้ พบชาวบ้านที่อำเภอห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี 17 ราย เกิดอาการพิษ ง่วงเฉียบพลัน ลืมตาไม่ขึ้น หลังกินยาลูกกลอนจากรถเร่ เพราะหลงเชื่อสรรพคุณ โดยผลการตรวจพบปนเปื้อนสารสเตียรอยด์ มีอันตรายถึงตายได้ นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า จากการออกตรวจราชการในต่างจังหวัด ได้รับรายงานจากอาสาสมัครสาธารณสุขว่าขณะนี้ในพื้นที่ในแถบชนบท จะมีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ วิ่งไปเร่ขายสมุนไพรตากแห้งพร้อมปรุงเป็นยาหม้อ และยาสมุนไพรต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะทำในรูปบดเป็นผง ใช้ผสมน้ำกินและยาลูกกลอน อ้างสรรพคุณรักษาโรคได้หลายอย่าง และจะวิ่งไปขายตามหมู่บ้านต่างๆ มักจะพุ่งเป้าไปที่กลุ่มโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หายขาด เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต และโรคที่ชาวชนบทเป็นกันบ่อยเช่นปวดเมื่อย ไม่มีแรงทำงาน โดยพ่อค้าเหล่านี้ มักจะใช้วิธีการขายแนวใหม่ โดยให้ชาวบ้านกินทดลองก่อน แล้วจะเก็บเงินสิ้นเดือน หากไม่ได้ผลก็จะไม่เก็บเงิน สร้างความเชื่อมั่นเชื่อถือให้ชาวบ้านมากขึ้นไปอีก นายแพทย์ปราชญ์กล่าวว่า พ่อค้าสมุนไพรรถเร่เหล่านี้ มักจะตีสนิท และอ้างตัวว่ามาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือภาคอื่นๆ และบอกเล่าสรรพคุณของสมุนไพรว่ามีสรรพคุณดี รักษาโรคได้หลายอย่าง ทำให้ชาวบ้านหลงเชื่อและซื้อมากินโดยไม่รู้ถึงอันตราย ในช่วงต้นปีนี้ ได้รับรายงานว่ามีชาวบ้านที่หมู่ที่ 22 บ้านสันติสุข และหมู่ที่ 16 บ้านตลุง ซึ่งอยู่ติดกัน ในตำบลดอนแสลบ อ.ห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 17 ราย เกิดอาการผิดปกติ หลังซื้อยาสมุนไพรลูกกลอนจากรถเร่ในหมู่บ้านไปกิน ต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลบ่อพลอยและโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา ทุกรายมีอาการเหมือนกันคือง่วงซึมอย่างเฉียบพลัน หน้ามืด และลืมตาไม่ขึ้น จากการสอบสวนหาสาเหตุของโรคของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข พบว่า ก่อนที่ชาวบ้านจะป่วย 1-2 สัปดาห์ มีชาวบ้านคนหนึ่งซึ่งเป็นโรคเบาหวาน ได้ซื้อยาลูกกลอนจากรถเร่ขาย อ้างสรรพคุณว่าเป็นยาแก้ปวดเมื่อย รักษาเบาหวาน และอาการต่างๆได้หลายชนิด หลังกินยาแล้วรู้สึกมีอาการดีขึ้น หายปวดเมื่อย ทำงานได้ ชาวบ้านรายนี้จึงบอกเล่าต่อกัน และต่อมารถเร่รายเดิมได้นำยามาขายให้ชาวบ้าน มี 3 ชนิดคือ ยาลูกกลอน ยาทาชนิดน้ำ และยาผงละลายดื่ม ซึ่งมีลักษณะเป็นผง ไม่มีกลิ่น มีรสขม และได้นำยาผงที่อวดอ้างสรรพคุณรักษาสารพัดโรค มาละลายน้ำใส่แก้วให้ชาวบ้านทดลองดื่ม โดยผสมยาผงประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 1 แก้ว มีชาวบ้านดื่มทั้งหมด 17 ราย หลังดื่ม 2-3 นาที ทุกรายมีอาการง่วงซึมอย่างเฉียบพลัน หน้ามืด ลืมตาไม่ขึ้น นายแพทย์ปราชญ์กล่าวต่อว่า ญาติของผู้ป่วยได้สอบถามผู้ขายถึงอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นดังกล่าว ได้รับคำตอบว่าอาการดังกล่าวเป็นอาการปกติ เมื่อผู้ป่วยตื่นขึ้นมา จะมีอาการดีขึ้นเอง หลังจากนั้นผู้ขายได้หลบหนีไป ซึ่งหลังจากที่ผู้ป่วยตื่นและกลับไปพักที่บ้านประมาณ 2-3 ชั่วโมง พบว่าอาการยังไม่ดีขึ้น ญาติจึงนำตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาล และอาการหายเป็นปกติ ซึ่งทางโรงพยาบาลได้เก็บตัวอย่างน้ำในกระเพาะอาหาร ยาลูกกลอน และยาทา ส่งตรวจที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ผลปรากฏว่า ตรวจพบสารสเตียรอยด์ ชนิดเด๊กซ่าเมทาโซน(Dexa methazone) และเพรดนิโซโลน (Prednisolone) /2.. นายแพทย์ปราชญ์กล่าว....... -2- นายแพทย์ปราชญ์กล่าวต่อไปว่า ในการป้องกันภัยจากรถเร่ขายสมุนไพร ได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ประชาชนในหมู่บ้านให้รู้เท่าทันถึงอันตรายของยาจากรถเร่ และขอความร่วมมืออาสาสมัครสาธารณสุข 800,000 คน ช่วยกันสอดส่องเฝ้าระวัง หากพบรถเร่ขอให้แจ้งประสานงานเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เพื่อจับกุมลงโทษได้เลย เนื่องจากการเร่ขายยา จัดเป็นการขายยาแผนโบราณ โดยไม่ได้รับอนุญาต มีบทลงโทษตามมาตรา 111 จำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 5,000 บาท ทางด้านนายแพทย์ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)กล่าวว่า สเตียรอยด์เป็นยาซึ่งมีผลต่อระบบต่างๆในร่างกายแทบทุกระบบ มีอันตรายสูงมาก การใช้สเตียรอยด์ในขนาดสูง มีผลกดภูมิต้านทานของร่างกาย ทำให้ติดเชื้อง่ายและยังบดบังอาการของโรคติดเชื้อ กว่าจะรู้ตัว ก็ต่อเมื่อโรคกำเริบรุนแรงไปแล้ว และยังมีผลทำให้เยื่อบุกระเพาะอาหารบางลงและทะลุได้ หรือมีเลือดออกในกระเพาะอาหารได้โดยไม่มีอาการปวดมาก่อน การใช้สเตียรอยด์ติดต่อกันเป็นเวลานาน มีผลทำให้กระดูกผุ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ หรือคนที่เป็นโรคไขกระดูกต้องระวัง นอกจากนี้ผลของสเตียรอยด์ ยังทำให้ร่างกายสูญเสียเกลือโปแตสเซียมทางปัสสาวะมาก อาจมีผลทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย กล้ามเนื้อไม่มีแรงและหัวใจเต้นผิดจังหวะหรือหยุดเต้นเสียชีวิตได้ นายแพทย์ศิริวัฒน์กล่าวต่อว่า อย.กำหนดให้สารสเตียรอดย์เป็น “ยาควบคุมพิเศษ” ซึ่งร้านขายยาจะจำหน่ายให้กับผู้บริโภคได้ จะต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์เท่านั้น ยกเว้นสารสเตียรอยด์ ที่นำไปใช้เป็นยาเฉพาะที่ กับผิวหนัง ตา หู คอ จมูก หรือปาก ซึ่งจัดเป็น “ยาอันตราย” จำหน่ายได้เฉพาะร้านขายยาแผนปัจจุบันเท่านั้น นอกจากนี้ ผู้ประกอบการที่ผลิต –ขาย หรือนำเข้าสารสเตียรอยด์ จะต้องจัดทำบัญชีซื้อ- ขาย ไว้ด้วย ต้องรายงานปริมาณและมูลค่าการผลิต การนำเข้ายาดังกล่าวต่ออย. เนื่องจากสเตียรอยด์เป็นสารอันตราย อย.จึงมีการควบคุม ดูแล ภายใต้กฎหมายที่บัญญัติไว้ส่วนกรณีที่นำยาสเตียรอยด์ไปขายในลักษณะยาชุดก็มีบทลงโทษตามกฎหมายเช่นกัน ประชาชนที่นิยมยาแผนโบราณประเภทยาลูกกลอน ก่อนซื้อจะต้องดูชื่อยา ซึ่งจะมีเลขทะเบียนตำรับยา ชื่อผู้ผลิตยาและที่ตั้งของผู้ผลิตยา วันเดือนปีที่ผลิตยา เลขที่หรืออักษรแสดงครั้งที่ผลิตยา ปริมาณยาที่บรรจุ และมีคำว่า “ยาแผนโบราณ” ระบุไว้ด้วย ทั้งนี้ชื่อตำรับยา ต้องไม่ใช้ชื่อในทำนองอวดอ้าง หรือทำให้เข้าใจผิดไปจากความเป็นจริงได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ประชาชนสามารถใช้เป็นข้อมูลในการพิจารณาเลือกซื้อยาแผนโบราณที่ผลิตถูกต้องตามกฎหมายได้ จนถึงขณะนี้มีผู้ผลิตยาแผนโบราณขออนุญาตขึ้นทะเบียนยาต่ออย.แล้ว 1 หมื่นกว่าตำรับ ส่วนใหญ่ผลิตเองในประเทศ โดยยาแผนโบราณทุกตำรับ จะต้องไม่มียาแผนปัจจุบันเป็นส่วนผสม นายแพทย์ศิริวัฒน์กล่าว **************************** 1 เมษายน 2550


   
   


View 13    01/04/2550   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ