กระทรวงสาธารณสุข แนะประชาชนพื้นที่หมอกควัน ต้องใส่หน้ากากอนามัยป้องกันสูดควันไฟเข้าปอดอย่างต่อเนื่อง แนะห้ามใช้ร่วมกัน ควรใช้เฉพาะตัว เผยจำนวนผู้ป่วยขณะนี้ลดลง 8 จังหวัดพบวันละ 4,000 รายเศษ อาการไม่รุนแรงถึงขั้นนอนโรงพยาบาล ส่วนใหญ่เกิดการระคายเคือง แสบจมูก แสบคอ
นายแพทย์มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการดูแลช่วยเหลือประชาชนที่ได้ผลกระทบจากหมอกควันไฟในภาคเหนือตอนบน ว่า ขณะนี้สถานการณ์ฝุ่นควันไฟในทุกจังหวัดขึ้นๆลงๆ โดยมี 3 จังหวัดที่มีปริมาณสูงกว่ามาตรฐาน ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย และเชียงใหม่ ได้กำชับให้ศูนย์ปฏิบัติการหรือวอร์รูมของจังหวัดและส่วนกลาง เฝ้าระวังผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที ขอให้ประชาชนใส่หน้ากากอนามัยจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงเจ็บป่วย ได้แก่ คนชรา เด็ก ผู้ที่เป็นโรคปอดอยู่แล้ว โรคหอบหืด โรคหัวใจ
นายแพทย์มงคลกล่าวต่อว่า จากการประเมินผลกระทบต่อสุขภาพขณะนี้ จำนวนผู้เจ็บป่วยลดลงทุกพื้นที่ เฉลี่ยวันละ 4,000 รายเศษๆ ส่วนใหญ่ร้อยละ 93 อาการไม่รุนแรง มีอาการแสบจมูก แสบคอ ไม่ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลแต่อย่างใด โดยตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคมถึง 28 มีนาคม 2550 ประชาชนเจ็บป่วยทั้งหมด 74,502 ราย มากที่สุดที่จังหวัดเชียงราย 20,163 ราย รองลงมาคือลำพูน 16,772 ราย เชียงใหม่ 14,243 ราย ลำปาง 11,697 ราย และแม่ฮ่องสอน 5,495 ราย
อย่างไรก็ตาม ในการใช้หน้ากากอนามัย ประชาชนควรใช้เฉพาะตัว ไม่ควรใช้ร่วมกัน เนื่องจากอาจเกิดการติดโรคระบบทางเดินหายใจได้ หน้ากากที่แจกให้เป็นชนิดใยสังเคราะห์อย่างละเอียด ใช้แล้วทิ้ง อายุการใช้งานประมาณ 2 วัน จึงไม่ควรนำมาซักน้ำเพื่อใช้ต่อ ส่วนหน้ากากชนิดพิเศษที่แจกให้ในกลุ่มเสี่ยง มีอายุการใช้งานประมาณ 1 สัปดาห์ เป็นชนิดใช้แล้วทิ้งเช่นกัน
********************************* 29 มีนาคม 2550
View 11
29/03/2550
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ