รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขปลื้มหลังผลสำรวจผลงานรัฐบาลรอบ 4 เดือน พบประชาชนพึงพอใจงานด้านสาธารณสุขสูงเป็นอันดับ 1 ยกผลงานความดีให้เจ้าหน้าที่ทุกคนรวมทั้งอสม.ร่วมภาคภูมิใจ พร้อมเดินหน้าอีก 6 งานใหญ่ให้สำเร็จ รวมทั้งโครงการจิตอาสาในโรงพยาบาลทุกแห่งต่อในปีนี้หวังโดนใจประชาชนร้อยละ 90 นายแพทย์มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยเกี่ยวกับผลสำรวจความพึงพอใจของประชาชนที่มีต่อผลงานรัฐบาลในรอบ 4 เดือน ระหว่างวันที่ 25 - 28 มกราคม 2550 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ ซึ่งพบว่าคะแนนความพึงพอใจของประชาชนด้านสาธารณสุขสูงที่สุด เท่ากับ 2.84 จากคะแนนเต็ม 4 คะแนน ว่า ทั้งหลายทั้งปวงนี้ เป็นผลงานของเจ้าหน้าที่ทั้งกระทรวงสาธารณสุข 2 แสนกว่าคน และอาสาสมัครสาธารณสุข มิใช่ของผู้บริหารเท่านั้น ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทุกคนทั่วประเทศ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย ที่ร่วมทุ่มเทการพัฒนาการบริการเป็นที่พึงพอใจประชาชนทุกระดับ โดยกระทรวงสาธารณสุขจะทำหนังสือแจ้งผลการสำรวจ และขอบคุณไปยังผู้บริหารหน่วยงานทุกระดับต่อไป นายแพทย์มงคลกล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตามแม้ประชาชนจะพอใจงานสาธารณสุขสูงเป็นอันดับ 1 ก็ตาม แต่ยังมีงานอีกหลายอย่างที่ต้องเร่งพัฒนา เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้มากขึ้น งานที่ต้องทำต่อให้สำเร็จอีก 6เรื่องได้แก่ 1.การออกพระราชบัญญัติควบคุมการบริโภคสุรา ขณะนี้ใกล้ผ่านกฤษฎีกาแล้ว จะนำเข้าครม. และสภา น่าจะออกมาได้ทันช่วงสงกรานต์ 2.การออกพระราชบัญญัติระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน กำลังจะเข้าครม. 3. การออกพระราชบัญญัติกองทุนชดเชยค่าเสียหาย เพื่อแก้ปัญหาความเข้าใจระหว่างผู้ป่วยกับผู้ให้บริการ 4. การต่อรองราคายาที่มีสิทธิบัตรเพื่อให้คนไทยเข้าถึงยาได้มากขึ้น กระทรวงสาธารณสุขจะพยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้ประชาชนไทยได้ใช้ยามีคุณภาพดีและมีราคาถูกลง 5. ทุ่มเทในการแก้ไขปัญหายาเสพติด บุหรี่ สุรา อุบัติเหตุ และการป้องกันโรคเอดส์ โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น และ 6. การแก้ไขโรคเบาหวานและโรคอื่น ๆ ที่เป็นภัยเงียบ ขณะเดียวกัน ได้เร่งพัฒนาระบบบริการควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพจิตใจประชาชน ให้มีคุณธรรมติดตัว โดยในปีนี้กระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำโครงการจิตอาสา เพื่อให้ประชาชนทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ ที่ไม่เจ็บป่วยและต้องการทำประโยชน์เพื่อสังคม ได้เข้ามาร่วมในการดูแลประชาชนที่ใช้บริการในสถานพยาบาลต่าง ๆ ตั้งแต่สถานีอนามัยไปจนถึงโรงพยาบาลใหญ่ ในกิจกรรมที่ไม่เป็นอันตราย เช่น ป้อนข้าว ช่วยเช็ดตัวผู้ป่วย ช่วยทำบัตรหรือพาลุกเดิน เป็นต้น ซึ่งจะได้ประโยชน์มาก โดยเฉพาะคุณค่าทางจิตใจต่อผู้ป่วยให้มีกำลังใจขึ้น หายป่วยเร็ว ส่วนผู้ให้บริการจะมีความสุข หากเป็นเด็กก็จะเป็นเด็กที่มีคุณธรรม มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่สังคมเมื่อเติบโตขึ้น ตั้งเป้าในปีนี้จะนำร่องดำเนินงานจังหวัดละ 1 อำเภอ คาดว่าจะสร้างความพึงพอใจให้ประชาชนได้ร้อยละ 90 นายแพทย์มงคลกล่าว กุมภาพันธ์4/ 1 ********************************* 14 กุมภาพันธ์ 2550


   
   


View 7       ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ