กระทรวงสาธารณสุข เดินหน้ายกระดับการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพของประชาชนอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเตรียมลงนามกับอีก 2 มหาวิทยาลัยชั้นนำในส่วนภูมิภาค เดือนสิงหาคมนี้ และจะเตรียมลงนามข้อตกลงแบ่งปันข้อมูล ตามกรอบ MOU กับ สปสช. เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลจากระบบ Financial Data Hub ของกระทรวงสาธารณสุข ช่วยให้การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลรวดเร็ว ถูกต้อง ลดความซ้ำซ้อน และเพิ่มความโปร่งใสยิ่งขึ้น ภายใต้การดำเนินการที่สอดคล้องกับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 

นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุขมุ่งพัฒนาระบบสุขภาพดิจิทัล เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพได้อย่างทั่วถึง สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ด้วย MOPH Digital Health Platform ที่มีการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพจากหน่วยบริการทุกระดับ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการยกระดับการบริการ โดยมีความก้าวหน้าครั้งสำคัญ คือ การเริ่มต้นลงนาม MOU และ DSA กับ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) เป็นแห่งแรก และกำลังจะลงนามกับอีก 2 มหาวิทยาลัยชั้นนำในส่วนภูมิภาค ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนสิงหาคม 2568 นี้ 

“การลงนามความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำทั้ง 3 แห่งนี้ จะเป็นกลไกสำคัญในการสร้างเครือข่ายการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้การบริหารจัดการและส่งต่อข้อมูลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยภายใต้หลักเกณฑ์การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA" นายแพทย์โอภาสกล่าว

นายแพทย์โอภาสกล่าวต่อว่า นอกจากการสร้างความร่วมมือกับภาคการศึกษาแล้ว กระทรวงสาธารณสุขยังเดินหน้าตามกรอบ MOU โดยมุ่งมั่นจัดทำการลงนามข้อตกลงการแบ่งปันข้อมูล (Data Sharing Agreement) กับ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลจาก  Financial Data Hub (FDH) ซึ่งเป็นระบบข้อมูลการเบิกจ่ายค่าบริการสาธารณสุข ของหน่วยบริการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข กับข้อมูลของ สปสช. ซึ่งในขณะนี้หน่วยบริการในสังกัดมีการเชื่อมข้อมูลเข้าระบบ FDH ครบ 100% แล้ว หากมีการเชื่อมต่อกับ สปสช. จะช่วยให้เกิดการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลที่รวดเร็ว ถูกต้อง ลดความซ้ำซ้อน และเพิ่มความโปร่งใสมากยิ่งขึ้น 

ทั้งนี้ การเชื่อมโยงระบบข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข กับหน่วยงานภายนอก ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัย สปสช. หรือหน่วยงานอื่นในอนาคต ผ่านขั้นตอนตามกฎหมาย PDPA จะก่อให้เกิดประสิทธิภาพ และความเชื่อมั่นทางดิจิทัล สร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ป่วยซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และมีระบบรองรับกรณีข้อมูลรั่วไหล จะมีผู้รับผิดชอบตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมาก ทั้งในงานบริการสุขภาพและการบริหารจัดการหน่วยบริการทั่วประเทศ ช่วยขับเคลื่อนระบบสาธารณสุขเพื่อประชาชนชาวไทยที่ทันสมัย ปลอดภัย และยั่งยืน 

**********************************23 กรกฎาคม 2568



   
   


View 382    23/07/2568   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ