วันนี้ (12 พฤษภาคม 2568) กรมอนามัย ร่วมกับ กองสาธารณสุขฉุกเฉิน กระทรวงสาธารณสุขส่งสิ่งสนับสนุนในการป้องกันตนเองจากควันพิษและฝุ่นละอองที่เกิดจากไฟไหม้โกดังโรงงานเฟอร์นิเจอร์ เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร พร้อมส่งทีม SEhRT สถาบันพัฒนาสุขภาวะเขตเมือง ลงพื้นที่ประเมินความเสี่ยงด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมและสุขภาพประชาชนได้รับผลกระทบทางสุขภาพจากควันพิษและฝุ่นละออง ที่เกิดจากเหตุไฟไหม้โกดัง เน้นย้ำสื่อสารให้คำแนะนำแก่ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงในการเฝ้าระวังดูแลสุขภาพของตนเองและครอบครัว


                นายแพทย์ธิติ แสวงธรรม รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากเหตุการณ์ไฟไหม้โกดังโรงงานเฟอร์นิเจอร์ในพื้นที่ซอยฉลองกรุง 55 เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ทำให้เกิดกลุ่มควันสีดำขนาดใหญ่ลอยปกคลุมไปทั่วบริเวณจุดเกิดเหตุและชุมชนโดยรอบ ส่งผลให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงจุดเกิดเหตุได้รับผลผลกระทบจากการสูดดมควันไฟต่อเนื่องเป็นเวลานาน ประชาชนบางส่วนต้องอพยพออกจากบ้านไปอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราวที่หน่วยงานราชการจัดไว้สำหรับช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จากสถานการณ์ไฟไหม้โกดังดังกล่าว กรมอนามัย ห่วงใยผลกระทบทางสุขภาพของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จึงได้ส่งทีม SEhRT สถาบันพัฒนาสุขภาวะเขตเมือง นำโดยนายแพทย์ชลพันธ์ ปิยถาวรอนันต์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาสุขภาวะเขตเมือง และเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ดำเนินการดังนี้ 1) สำรวจและประเมินความเสี่ยงสุขภาพประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงกลุ่มเปราะบางในชุมชนที่ได้รับสัมผัสควันพิษและฝุ่นละอองที่มาจากการเผาไหม้ 2) ประเมินความเสี่ยงด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมในศูนย์พักพิงชั่วคราว 4 แห่ง คือ โรงเรียนลำพะอง โรงเรียนวัดทิพพาวาส ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กชุมชนวัดทิพพาวาส หอประชุมสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง 3) สื่อสารสร้างการรับรู้ประชาชนที่อยู่ในที่พักอาศัยในบริเวณใกล้เคียงที่อาจได้รับผลกระทบ ให้ดูแลตนเองและคนในครอบครัว ทั้งนี้ กรมอนามัย ร่วมกับกองสาธารณสุขฉุกเฉิน กระทรวงสาธารณสุข ได้สนับสนุนหน้ากากป้องกันควันพิษและฝุ่นละอองที่มาจากการไฟไหม้ให้แก่ประชาชนในชุมชนที่อาศัยใกล้เคียงพื้นที่เกิดเหตุ ประกอบด้วย หน้ากาก N95 หน้ากากอนามัย KF94 หน้ากากอนามัย ชุดป้องกันฝุ่น    อย่างไรก็ตาม กรมอนามัย ขอให้ประชาชนในพื้นที่ประสบภัยดูแลและป้องกันความเสี่ยงสุขภาพ โดยกลุ่มเสี่ยงกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ และผู้ป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจ สังเกตอาการตนเองและครอบครัว หากพบอาการผิดปกติ เช่น คันที่ผิวหนังอาการไอบ่อย ๆ หายใจลำบาก แน่นหรือเจ็บหน้าอก หัวใจเต้นไม่เป็นปกติ คลื่นไส้ เหนื่อยง่าย หรือเริ่มมีอาการปวดศีรษะ ผื่นขึ้น ให้รีบพบแพทย์ทันที


                 “สำหรับในช่วงนี้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง หลีกเลี่ยงการออกนอกบ้าน ปิดประตู หน้าต่าง เมื่อได้รับผลกระทบจากควันพิษ สวมหน้ากากป้องกันควันและฝุ่นตลอดเวลา และเมื่อเหตุการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ หรือไม่มีกลิ่นควันไฟ เขม่า ฝุ่นละอองแล้ว ให้เปิดประตู หน้าต่าง เพื่อระบายอากาศ ทำความสะอาดบ้าน เครื่องใช้ ที่นอน ผ้าห่ม รวมทั้งเฟอร์นิเจอร์ให้สะอาดทันที ไม่ให้มีสารพิษตกค้างสะสมในบ้าน" รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าว        

***

 กรมอนามัย / 12 พฤษภาคม 2568



   
   


View 11    12/05/2568   ข่าวในรั้ว สธ.    กรมอนามัย