นายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยถึงสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ว่า ปัจจุบันทั่วโลกพบเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่เป็นสาเหตุหลักของการระบาด 3 สายพันธุ์ ได้แก่ ไข้หวัดใหญ่ชนิด A(H3N2) พบมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 40.18 ไข้หวัดใหญ่ชนิด A(H1N1) pdm09 คิดเป็นร้อยละ 34.73 และไข้หวัดใหญ่ชนิด B (Victoria lineage) พบร้อยละ 24.84 ขณะที่สถานการณ์ในประเทศไทยพบไข้หวัดใหญ่ชนิด A/H1N1 (pdm09) มากที่สุด คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 41.55 รองลงมาคือไข้หวัดใหญ่ชนิด B (Victoria lineage) และไข้หวัดใหญ่ชนิด A(H3N2) มีสัดส่วนร้อยละ 32.80 และ 25.66 ตามลำดับ

          จากการวิเคราะห์สายพันธุ์ของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ในประเทศไทย โดยการใช้เทคนิค Whole genome sequencing วิเคราะห์หาลำดับพันธุกรรมทั้งจีโนมของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ และประเมินความสอดคล้องกับสายพันธุ์วัคซีนที่องค์การอนามัยโลกประกาศใช้สำหรับซีกโลกใต้ปี 2568 ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2567 - 31 มีนาคม 2568 พบว่า ไข้หวัดใหญ่ชนิด A(H1N1) มีความสอดคล้องกับสายพันธุ์ที่ระบุในวัคซีนซีกโลกใต้ 2568 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 46.45 ขณะที่ไข้หวัดใหญ่ชนิด A(H3N2) และ B/Victoria lineage มีความสอดคล้องกับสายพันธุ์ที่ระบุในวัคซีนซีกโลกใต้ 2568 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 100


          นายแพทย์ยงยศ กล่าวอีกว่า การเฝ้าระวังสายพันธุ์มีบทบาทสำคัญในการติดตามการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม โดยเฉพาะในกลุ่ม 6B.1A.5a.2a กลุ่มย่อย C.1.9 ซึ่งพบการเปลี่ยนแปลงของกรดอะมิโนบนโปรตีน Hemagglutinin (HA) บริเวณ Antigenic site เป็นตำแหน่งสำคัญที่มีผลต่อการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน และอาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของวัคซีนในการกระตุ้นการสร้างแอนติบอดี จากรายงานขององค์การอนามัยโลกสุ่มตัวอย่างเชื้อจากกลุ่มดังกล่าว มาทดสอบกับแอนติซีรั่มจาก Ferret และซีรั่มของอาสาสมัครที่ได้รับวัคซีน A/Victoria/4897/2022 (H1N1) pdm09-like virus (6B.1A.5a.2a.1) ในปี 2567 พบว่ามีเพียงร้อยละ 3 ของเชื้อในกลุ่ม 6B.1A.5a.2a ที่มีประสิทธิภาพการตอบสนองต่อแอนติซีรั่มลดลง นอกจากนี้ผลการวิเคราะห์สายพันธุ์ย่อยของไวรัส A(H1N1)pdm09 กลุ่ม 6B.1A.5a.2a สายพันธุ์ย่อยต่างๆ ไม่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ดังนั้นวัคซีนที่จะนำมาฉีดให้แก่ประชากรในปี 2568 ยังคงมีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A(H1N1) pdm09 ที่กำลังระบาดในปัจจุบันได้



   
   


View 27    25/04/2568   ข่าวในรั้ว สธ.    กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์