กระทรวงสาธารณสุข ห่วง เด็กไทยเป็นโรคอ้วนมากขึ้น จากข้อมูลพบว่า เด็กเล็กอายุ 1-5 ปี มีภาวะน้ำหนักเกินและอ้วน ร้อยละ 10.6 เด็กวัยเรียน ร้อยละ 15.4 ถือว่าเป็นอันดับ 3 ในกลุ่มอาเซียน ในขณะที่คนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป เป็นโรคอ้วนสูงถึงร้อยละ 42.4 ผลักดันแนวคิด “เปลี่ยนระบบใหญ่ เพื่อชีวิตเล็กๆ ที่ดีขึ้น ลดเสี่ยงโรคอ้วน ห่างไกล NCDs” (Changing Systems, Healthier Lives) ป้องกันโรคอ้วน และโรค NCDs พร้อมประกาศความร่วมมือในงานรณรงค์วันโรคอ้วนโลก  (World Obesity Day 2025) 

          วันนี้ (4 มีนาคม 2568) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า โรคอ้วนเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญทุกกลุ่มวัย ส่งผลกระทบต่อสุขภาพกาย จิตใจ สังคม และเศรษฐกิจ เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรค NCDs กระทรวงสาธารณสุขได้ขับเคลื่อนนโยบายคนไทยห่างไกลโรค NCDs มุ่งเน้นส่งเสริมวิถีชีวิตเพื่อสุขภาพ การป้องกันและควบคุมปัญหาโรคอ้วนนับเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขและภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ร่วมกันขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดการเปลี่ยน 4 ระบบ ได้แก่ 1) เปลี่ยนระบบอาหารในสถานศึกษา ให้มีคุณภาพมากขึ้น 2) เปลี่ยนการตลาดอาหารให้ลดหวาน มัน เค็ม  3) เปลี่ยนระบบบริการสุขภาพ มีการคัดกรองด้านโภชนาการ เพื่อให้ผู้ที่เป็นโรคอ้วนได้รับการส่งต่อและดูแลอย่างเหมาะสม และ 4) เปลี่ยนสภาพแวดล้อมเพิ่มการมีกิจกรรมทางกาย เพื่อลดความเสี่ยงโรคอ้วนและโรคไม่ติดต่อเรื้อรังในทุกกลุ่มวัย

         แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัยมีนโยบายส่งเสริมสุขภาพประชาชนลด NCDs ซึ่งการป้องกันและควบคุมปัญหาโรคอ้วนในเด็ก เป็นกุญแจสำคัญในการลดความเสี่ยงของโรค NCDs ในอนาคต กรมอนามัยจึงได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ภายใต้คณะกรรมการและคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนนโยบายป้องกันและควบคุมปัญหาโรคอ้วนในเด็ก เพื่อให้เกิดการบูรณาการระหว่างหน่วยงาน และขับเคลื่อนนโยบายอย่างเป็นระบบและยั่งยืน จากผลการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยในเด็กและเยาวชน พบว่า ภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วนในเด็ก มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเด็กเล็กอายุ 1-5 ปี มีภาวะน้ำหนักเกินและอ้วน เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5.8 เป็นร้อยละ 10.6 และเด็กวัยเรียนเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5.8 เป็นร้อยละ 15.4 ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยยังมีเด็กเป็นโรคอ้วนสูงเป็นอันดับ 3 ในกลุ่มอาเซียน รองจากมาเลเซียและบรูไน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่นำไปสู่โรคอ้วนในวัยผู้ใหญ่ โดยข้อมูลล่าสุดจากการสำรวจสุขภาพประชาชนไทย ปี 2563 พบว่า ประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป เป็นโรคอ้วนสูงถึงร้อยละ 42.4  ทั้งนี้ พฤติกรรมการบริโภคอาหาร กิจกรรมทางกาย สภาพแวดล้อม และระบบบริการสุขภาพ เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคอ้วนและโรค NCDs  

         “นอกจากนี้ ผู้แทน WHO ประจำประเทศไทย Dr.Jos Vandelaer WHO Representative to Thailand ยังได้ชื่นชมที่ประเทศไทยมีนโยบายและแนวทางในการจัดการโรคอ้วน เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สำหรับวันโรคอ้วนโลก ปี 2568 (World Obesity Day 2025) กระทรวงสาธารณสุข  โดย กรมอนามัย รณรงค์ภายใต้แนวคิด “เปลี่ยนระบบใหญ่ เพื่อชีวิตเล็กๆ ที่ดีขึ้น ลดเสี่ยงโรคอ้วน ห่างไกล NCDs” (Changing Systems, Healthier Lives) สร้างความตระหนัก และส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายเพื่อลดความเสี่ยงโรคอ้วน และโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ให้คนไทยมีสุขภาพที่แข็งแรง โดยความร่วมมือจากเครือข่ายในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่นี้”  อธิบดีกรมอนามัย กล่าว


 

***

 
กรมอนามัย / 4 มีนาคม 2568

 



   
   


View 48    04/03/2568   ข่าวในรั้ว สธ.    กรมอนามัย