ทันตกรรมไทยมีมาตรฐาน ปลอดภัย ป้องกันความเสี่ยงจากการติดเชื้อ
- กรมการแพทย์
- 18 View
- อ่านต่อ
วันนี้ (28 กุมภาพันธ์ 2568) แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย มอบหมายให้ แพทย์หญิงนงนุช ภัทรอนันตนพ รองอธิบดีกรมอนามัย เป็นประธานเปิดงานส่งเสริมความรอบรู้สุขภาพ เพื่อเด็กและเยาวชนไทยห่างไกลโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (ENDU) พร้อมด้วย นายแพทย์ปกรณ์ ตุงคะเสรีรักษ์ ผู้อำนวยการส่งเสริมสุขภาพ นายแพทย์สิทธิพงษ์ ยิ้มสวัสดิ์ ผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ 11 นครศรีธรรมราช ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ผู้บริหารจากกระทรวงศึกษาธิการ ผู้บริหารสถานศึกษา ครู นักเรียน และนักวิชาการ ร่วมงาน ณ โรงแรมทวิน โลตัส จังหวัดนครศรีธรรมราช
แพทย์หญิงนงนุช ภัทรอนันตนพ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายในการ “ยกระดับการสาธารณสุขไทย เพื่อให้คนไทยสุขภาพแข็งแรงทุกวัย เศรษฐกิจสุขภาพไทยมั่นคง” โดยในปี 2568 มุ่งเน้นการขับเคลื่อน นโยบายคนไทยห่างไกล NCDs เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) รายใหม่ และลดความรุนแรงของการเจ็บป่วยในผู้ป่วยรายเก่า ซึ่งโรค NCDs เป็นปัญหาสุขภาพที่ส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจและสังคม ปัจจุบันคนไทยป่วยด้วยโรค NCDs รวมกว่า 33 ล้านคน เสียชีวิตจากโรค NCDs ปีละ 400,000 คน มีการใช้งบประมาณจากระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ในการรักษาพยาบาล ไม่น้อยกว่า 62,138 ล้านบาท ทั้งยังมีค่าใช้จ่ายแฝงจากค่าอาหาร ที่พัก ค่าเดินทาง การลางาน สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจให้กับประเทศปีละ 1.6 ล้านล้านบาท ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุข ได้เร่งผลักดันนโยบายคนไทยห่างไกลโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ให้เป็นวาระแห่งชาติเพื่อระดมทุกภาคส่วนของสังคมไทย ให้ขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน โดยกระทรวงศึกษาธิการ ได้วางแนวทางการขับเคลื่อนงาน ด้วยหลัก 3 ป. คือ ป.1 ป้องกัน ด้วยการสร้างความรับรู้เรื่องโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ป.2 ปลูกฝัง ด้วยการจัดการเรียนการสอนในรายวิชาสุขศึกษาและพลศึกษา ให้เด็กได้เรียนรู้ดูแลตัวเองได้ในอนาคต และ ป.3 ปราบปรามอาหารหรือผลิตภัณฑ์ที่ไม่ดีต่อสุขภาพไม่ให้อยู่ในโรงเรียน
“ปัจจุบันเด็กและเยาวชนไทยประสบปัญหาด้านสุขภาพในหลากหลายมิติ โดยเฉพาะโรคอ้วนในเด็กที่กำลังเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญ ประเทศไทยมีเด็กที่เป็นโรคอ้วนสูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศในกลุ่มอาเซียน รองจากประเทศมาเลเซีย และบรูไน จากการคาดการณ์ของสหพันธ์โรคอ้วนโลกในปี 2573 จะมีเด็กอ้วนทั่วโลกมากถึง 1 ใน 3 โดยเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี จะมีภาวะน้ำหนักเกินและอ้วนสูงถึงร้อยละ 30 ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเตี้ย ภาวะบกพร่องด้านสติปัญญา และเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ในอนาคต จากการศึกษา พบว่าผู้ใหญ่ที่อ้วนร้อยละ 55 เคยอ้วนตอนเป็นเด็ก ดังนั้นเด็กอ้วนจึงมีความเสี่ยงที่จะโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่อ้วนและเจ็บป่วยด้วยโรค NCDs ตั้งแต่อายุยังน้อย หากไม่แก้ไขอีก 5 ปี คนไทยอายุ 20 ปีขึ้น ไป 1 ใน 2 จะเป็นโรคอ้วน ซึ่งเป็นสาเหตสำคัญของการตายก่อนวัยอันควร” รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าว
ทางด้าน นายแพทย์สิทธิพงษ์ ยิ้มสวัสดิ์ ผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ 11 นครศรีธรรมราช กล่าวว่า กรมอนามัยได้ดำเนินงานส่งเสริมสุขภาพเด็กและเยาวชน โดยมี “โรงเรียน” เป็นพื้นที่สำคัญของการดำเนินงาน ภายใต้โรงเรียนสงเสริมสุขภาพมาอย่างต่อเนื่อง จนในปัจจุบันได้มีการพัฒนาเป็นโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพระดับมาตรฐานสากล เพื่อมุ่งสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพ ซึ่งจะเป็นอาวุธที่สำคัญให้กับเด็กเยาวชนในการใช้ชีวิตตามแนวทางเวชศาสตร์วิถีชีวิต (Lifestyle Medicine) ที่จะช่วยให้เด็กและเยาวชนมีความรู้และทักษะในการดูแลสุขภาพตนเอง ครอบครัวและชุมชน ตลอดจนจัดการปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพอันจะนำไปสู่การมีพฤติกรรมที่พึงประสงค์ มีความรอบรู้ด้านสุขภาพ
"ทั้งนี้ การขับเคลื่อนงาน และมีการบูรณาการอย่างมีประสิทธิภาพ กรมอนามัย โดยศูนย์อนามัยที่ 11 นครศรีธรรมราช จึงได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง จัดงานส่งเสริมความรอบรู้สุขภาพ เพื่อเด็กและเยาวชนไทยห่างไกลโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ในระดับพื้นที่ "เด็กใต้น่าเอ็นดู (ENDU) รอบรู้สุขภาพ กำลังดี กินดี ยิ้มสดใส เข้าใจเพศวิถี" ขึ้น เพื่อส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนไทย มีความรอบรู้ด้านสุขภาพ และมีพฤติกรรมสุขภาพ ที่พึงประสงค์ รวมทั้งเป็นการเชิดชูเกียรติหน่วยงานที่มีผลการดำเนินงานดีเด่นด้านการส่งเสริมสุขภาพวัยเรียนวัยรุ่น ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข กรมอนามัย ผู้บริหารจากกระทรวงศึกษาธิการ ผู้บริหารสถานศึกษา ครู นักเรียน และนักวิชาการที่ร่วมขับเคลื่อนงานส่งเสริมสุขภาพวัยเรียนวัยรุ่น" ผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ 11 นครศรีธรรมราช กล่าว
***
กรมอนามัย / 28 กุมภาพันธ์ 2568