รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ออกนโยบายตั้งโครงการระดมน้ำใจช่วยเหลือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและครอบครัว รวมทั้งอสม.ในพื้นที่ 5จังหวัดชายแดนใต้ หากเสียชีวิตจะได้รับเงินช่วยเหลือไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท พร้อมทั้งเปิดโครงการโรงพยาบาลเพียงพอในปี 2550 ตามโครงการจิตอาสา นำร่องในโรงพยาบาลชุมชน- โรงพยาบาลจังหวัดทั่วประเทศกว่า 90 แห่งในปีนี้
วันนี้ (8 มกราคม 2550) ที่กระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุขประจำเดือนมกราคม 2550 โดยมีนายแพทย์มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานว่า
ในที่ประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้แจ้งที่ประชุม เรื่องการช่วยเหลือข้าราชการเจ้าหน้าที่ใน 5 จังหวัดชายแดนใต้ ได้แก่ สงขลา ปัตตานี นราธิวาส ยะลา และสตูล ซึ่งขณะนี้ปฏิบัติงานท่ามกลางสถานการณ์ความไม่สงบ ด้วยความเครียด น่าเห็นใจเป็นอย่างยิ่ง โดยจะเพิ่มวงเงินการช่วยเหลือจากเดิมได้จากรัฐบาลอย่างเดียวประมาณ 5 แสนบาทหากได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิต ซึ่งในรอบ 3 ปีมานี้ มีข้าราชการเจ้าหน้าที่ของสาธารณสุขเสียชีวิต 8 ราย บาดเจ็บ 17 ราย และมีอสม.เสียชีวิตและบาดเจ็บกว่า 20 ราย เพื่อให้มีความมั่นใจในเรื่องเงินช่วยเหลือครอบครัว โดยจะดำเนินการ 2 ส่วน คือ 1. ตั้งโครงการแสดงน้ำใจสู่ชาวสาธารณสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขณะนี้ได้เงินแล้วเกือบ 2 ล้านบาท จะระดมขอบริจาคจากเจ้าหน้าที่ตามความสมัครใจ เพื่อให้ได้ 5 ล้านบาท
นอกจากนี้ สำนักงานฌาปนกิจสงเคราะห์ของกระทรวงสาธารณสุขได้ขยายเพดานอายุการรับสมัครข้าราชการ เจ้าหน้าที่ที่มีอายุเกิน 35 ปี เข้าเป็นสมาชิกได้เป็นกรณีพิเศษ จากเดิมให้แค่อายุไม่เกิน 35 ปี รวมแล้วหากเสียชีวิตจะได้รับเงินช่วยเหลือไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท และ2. การจัดทีมสุขภาพลงไปช่วยทำงานในโรงพยาบาลใหญ่ๆ เพื่อเป็นกำลังใจ ขณะนี้มีหลายจังหวัดส่งเจ้าหน้าที่ไปแล้ว เช่น ระยอง หนองบัวลำพู นครราชสีมา อุดรธานี จะอยู่ทำงาน 1 อาทิตย์ โดยต่อไปจะขยายไปสู่โรงพยาบาลชุมชนและสถานีอนามัยด้วย
นายแพทย์สุพรรณกล่าวต่อไปว่า ในที่ประชุมยังได้หารือเรื่องการจัดโครงการโรงพยาบาลเพียงพอ ตามโครงการจิตอาสา ซึ่งจะเริ่มในปีนี้เป็นต้นไป โดยจะให้มีอาสาสมัครจากกลุ่มประชาชนทั่วไป เข้ามามีส่วนร่วมในการทำงานในโรงพยาบาลร่วมกับทีมเจ้าหน้าที่ ในปีนี้จะนำร่องโครงการในโรงพยาบาลชุมชน อย่างน้อยจังหวัดละ 1 แห่ง และนำร่องในโรงพยาบาลศูนย์หรือโรงพยาบาลทั่วไปอย่างน้อย 1 แห่งในแต่ละเขตตรวจราชการ ทั้ง 19 เขต รวมกว่า 90 แห่ง นอกจากนี้ในวันเด็กซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 13 มกราคม 2550 นี้ รัฐมนตรีว่ากระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายให้เด็กไทยได้มีโอกาสทำงานให้สังคม เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศ เปิดโอกาสให้เด็กนักเรียนทุกอายุ เข้าร่วมโครงการจิตอาสา เข้ามาช่วยดูแลคนเจ็บป่วยในโรงพยาบาล ตามกิจกรรมที่ถนัด โดยให้โรงพยาบาลต่างๆ เปิดรับสมัครนักเรียนในโรงเรียนต่างๆที่อยู่ในพื้นที่ เข้ามาช่วยงานในโรงพยาบาลในวันเด็ก และจะทำหนังสือตอบขอบคุณ หรือทำประกาศนียบัตรเชิดชูคุณความดีของเด็กด้วย
/สำหรับความคืบหน้า...
- 2-
สำหรับความคืบหน้าของการควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กระทรวงสาธารณสุขอยู่ระหว่างเสนอกฎหมายควบคุมการบริโภคเหล้าเข้าสู่สภา ซึ่งจะครอบคลุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างได้ผล โดยใช้หลายมาตรการร่วมกัน นอกเหนือจากการห้ามโฆษณา เพราะช่วงเทศกาลที่ผ่านมาพบว่าประชาชนไทยเกิดความเคยชินในเรื่องของการกินเหล้า จนกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิต จึงขาดความตระหนักของภัยอันตรายต่อสังคม
นายแพทย์สุพรรณกล่าวต่อไปว่า สำหรับเรื่องการพัฒนาระบบบริการสาธารณสุขในปีงบประมาณ 2550นี้ กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่อยู่ในกำกับ 2 หน่วยงาน 2 กองทุน ได้รับงบประมาณทั้งหมด 137,445 ล้านบาทเศษ การจัดการจะเน้นบริการการแพทย์ที่พอเพียง สนองต่อแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขซึ่งมีสถานพยาบาลในสังกัดกว่า 10,000 แห่ง ได้รับมากที่สุดจำนวน 49,115 ล้านบาทเศษ กรมการแพทย์ กรมควบคุมโรคได้รับกรมละ 3 พันกว่าล้านบาท กรมสุขภาพจิต กรมอนามัยได้รับกรมละ 1พันกว่าล้านบาท ในส่วนของหน่วยงานในกำกับ ได้แก่ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้รับงบ 810 ล้านบาทเศษ และสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขได้รับ 99 ล้านบาทเศษ นอกจากนี้ ยังมีกองทุนหมุนเวียน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนหลักประกันสุขภาพได้รับ 75 กว่าล้านบาท และกองทุนภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยเพื่อใช้ในการวิจัยสมุนไพรและการแพทย์แผนไทยได้ 40 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในที่ประชุมยังได้รับทราบอัตราการเบิกค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการกรณีบำบัดรักษาโรค ด้วยวิธีการแพทย์แผนไทยของสถานพยาบาลของทางราชการ โดยกรมการแพทย์การแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกได้เสนอให้กรมบัญชีกลาง ออกประกาศกำหนดอัตราค่าบำบัดรักษาและฟื้นฟูสภาพในอัตราดังนี้ คือนวดครั้งละ 200 บาทต่อคน อบไอน้ำสมุนไพรครั้งละ 100 บาทต่อคน ประคบสมุนไพรครั้งละ 100 บาทต่อคน โดยระเบียบนี้ใช้ในกรณีบำบัด รักษา ฟื้นฟูผู้ที่มีปัญหาสุขภาพสามารถเบิกจ่ายเท่านั้น หากเป็นกรณีทัวร์สุขภาพไม่สามารถเบิกได้ เนื่องจากจัดเป็นการส่งเสริมสุขภาพ โดยคาดว่ากรมบัญชีกลางจะออกประกาศแจ้งเวียนให้สถานพยาบาลต่างๆในสังกัดภาคราชการในเร็วๆนี้
View 12
08/01/2550
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ