กระทรวงสาธารณสุข เผยกฎหมายกำหนดพื้นที่สาธารณะเป็นเขตปลอดบุหรี่ จะมีผลบังคับใช้ 29 ธันวาคม 2549 นี้เป็นต้นไป ขอความร่วมมือทุกหน่วยงานสอดส่องดูแลให้มีการดำเนินการตามกฎหมาย หากฝ่าฝืนเจ้าของสถานที่มีโทษปรับไม่เกิน 10,000-20,000 บาท ส่วนผู้สูบบุหรี่ในที่ห้ามสูบมีโทษปรับ 2,000 บาท
บ่ายวันนี้ (28 ธันวาคม 2549) นายแพทย์มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย ศ.นายแพทย์ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ และผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ที่ต้องดำเนินการให้เป็นสถานที่ปลอดบุหรี่ ได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงคมนาคม กรุงเทพมหานคร การรถไฟแห่งประเทศไทย องค์การสวนสัตว์ องค์การขนส่งมวลชน สมาคมโรงแรมไทย และเครือข่ายวิชาชีพเภสัชกรรมเพื่อการควบคุมการบริโภคยาสูบ ร่วมกันแถลงข่าว การดำเนินการตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 17 พ.ศ. 2549 เรื่อง กำหนดสถานที่ห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ พร้อมทั้งออกรณรงค์ติดป้ายเขตปลอดบุหรี่ ที่สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง)
นายแพทย์มงคล กล่าวว่า ควันบุหรี่เป็นตัวการสำคัญที่ทำร้ายสุขภาพคนทั่วโลก ที่ผ่านมาคนไทยต้องเสียชีวิตอย่างทรมานจากโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ที่สำคัญคือ โรคมะเร็งและโรคหัวใจ ถึงปีละ 52,000 คน และต้องสูญเงินรักษาผู้ที่ป่วยด้วยโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ 3 โรคหลัก ได้แก่ มะเร็งปอด โรคหัวใจ และโรคถุงลม โป่งพอง รวมปีละกว่า 50,000 ล้านบาท ดังนั้น เพื่อคุ้มครองสุขภาพของประชาชนโดยเฉพาะผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ ไม่ให้ได้รับอันตรายจากสารพิษในควันบุหรี่ ซึ่งมีมากกว่า 4,000 ชนิด จึงได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 17 กำหนดพื้นที่ที่ต้องจัดเป็นเขตปลอดบุหรี่เพิ่มขึ้นจากเดิม โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (29 ธันวาคม 2549 ) เป็นต้นไป
เรื่องพื้นที่ปลอดบุหรี่นี้ ต้องอาศัยความร่วมมืออย่างมากจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ช่วยกันดูแลให้มีการดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ หากไม่มีการจัดเขตปลอดบุหรี่ตามที่กฎหมายกำหนด จัดเขตสูบบุหรี่ไม่ถูกต้อง หรือติดป้ายเขตปลอดบุหรี่/เขตสูบบุหรี่ไม่ถูกต้อง เจ้าของสถานที่จะมีโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท 10,000 บาท หรือ 2,000 บาท ตามลำดับ ส่วนผู้ฝ่าฝืนสูบบุหรี่ในเขตปลอดบุหรี่ จะมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท โดยผู้ที่พบเห็นการฝ่าฝืนกฎหมายเกี่ยวกับบุหรี่ สามารถแจ้งได้ที่หมายเลข 0-2590-3342 นายแพทย์มงคล กล่าว
ด้านนายแพทย์ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า การขยายพื้นที่ห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะเพิ่มมากขึ้นของกระทรวงสาธารณสุข เป็นมาตรการหนึ่งที่จะช่วยคุ้มครองผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ ไม่ให้ถูกทำร้ายจากการต้องทนสูดดมควันบุหรี่ของผู้ที่สูบบุหรี่ในที่สาธารณะต่างๆ ขณะเดียวกันก็ต้องเร่งรณรงค์ไม่ให้มีนักสูบหน้าใหม่เพิ่มขึ้นและลดจำนวนผู้ที่สูบบุหรี่เดิมให้น้อยลงด้วย ทั้งนี้ มูลนิธิฯ ได้จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ความรู้และพิษภัยของบุหรี่ในรูปแบบที่หลากหลาย เพื่อสนับสนุนให้กับหน่วยงานต่างๆ และสำหรับผู้ที่ต้องการเลิกสูบบุหรี่ด้วยตนเอง สามารถโทรปรึกษาได้ที่สายด่วน 1600
ทั้งนี้ สถานที่สาธารณะที่ต้องจัดเป็นเขตปลอดบุหรี่ทั้งหมด ได้แก่ รถโดยสารประจำทาง รถโดยสารรับจ้าง รถรับส่งนักเรียนหรือนิสิตนักศึกษาทุกประเภท รถยนต์ราชการ รถรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานรัฐอื่นๆ ที่พักผู้โดยสารหรือป้ายรถเมล์ ลิฟต์โดยสาร ตู้โทรศัพท์สาธารณะ สุขา อาคารโรงมหรสพ ห้องสมุด ห้องประชุม อบรมหรือสัมมนา ร้านขายยา คลินิกรักษาทั้งคนและสัตว์ สถานนวดไทยหรือนวดแผนโบราณ กิจการสปาเพื่อสุขภาพ นวดเพื่อสุขภาพหรือนวดเพื่อเสริมสวย สถานบริการอบความร้อน อบไอน้ำหรืออบสมุนไพร สถานที่ออกกำลังกายในร่ม ยกเว้นสนุกเกอร์หรือบิลเลียต อัฒจันทร์ดูกีฬาหรือการแสดง สนามเด็กเล่น สถานรับเลี้ยงเด็กก่อนวัยเรียน โรงเรียนหรือสถานศึกษาต่ำกว่าอุดมศึกษา ศาสนสถานในบริเวณประกอบศาสนกิจ และบริเวณที่ติดแอร์ของสถานที่แสดงศิลปวัฒนธรรม พิพิธภัณฑ์สถานหรือหอศิลป์ ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า สถานที่แสดงสินค้าหรือนิทรรศการ ร้านตัดผม ร้านตัดเสื้อ สถานเสริมความงาม ร้านคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต ตู้เกมหรือตู้คาราโอเกะ บริเวณโถงพักคอยของโรงแรม รีสอร์ท หอพัก ห้องเช่า อาคารชุด คอนโดมิเนียม คอร์ทหรืออพาร์ทเม้นท์ ร้านจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม หรือสถานที่จัดเลี้ยง ยกเว้นผับ บาร์ หรือร้านอาหารที่อยู่ตามสถานบริการต่างๆ ตาม พ.ร.บ.สถานบริการของกระทรวงมหาดไทย
ส่วนสถานที่สาธารณะที่เป็นเขตปลอดบุหรี่ทั้งหมด แต่มีการยกเว้นเฉพาะห้องทำงานส่วนตัว ห้องพักส่วนตัว หรือบริเวณที่จัดเป็นเขตสูบบุหรี่โดยเฉพาะ ได้แก่ สถานที่ราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ สถานที่ทำงานของเอกชนเฉพาะที่มีระบบปรับอากาศ สถานีขนส่งผู้โดยสารทุกประเภท รวมถึงท่าอากาศยานและท่าเรือโดยสาร สถานีน้ำมันเชื้อเพลิงหรือแก๊สเชื้อเพลิง มหาวิทยาลัย สถาบันศึกษาตั้งแต่ระดับอุดมศึกษาขึ้นไป อุทยานหรือศูนย์การเรียนรู้ สถานฝึกอาชีพ สถานกวดวิชา สถานที่สอนภาษา สอนดนตรี-ขับร้อง สอนการแสดง สอนศิลปะ สอนกีฬา สอนศิลปะการป้องกันตัว ธนาคารหรือสถาบันการเงิน ศาสนสถานนอกเหนือจากบริเวณประกอบศาสนกิจ สถานที่ออกกำลังกายกลางแจ้งหรือสนามกีฬากลางแจ้ง สวนสาธารณะ สวนสัตว์ สวนพฤกษศาสตร์ โรงพยาบาลทั้งรักษาคนและสัตว์
***************************** 28 ธันวาคม 2549
View 12
28/12/2549
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ