กระทรวงสาธารณสุข เผยพบผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช1 เอ็น1 สองรายแรก เตือนประชาชนไม่ต้องตกใจส่วนใหญ่ร้อยละ 90 อาการไม่รุนแรง หายได้เอง แนะประชาชนที่มีโรคประจำตัวหากป่วยเป็นไข้หวัดให้รีบไปพบแพทย์ วันนี้ (27 มิถุนายน 2552) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ไพจิตร วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ประเสริฐ ทองเจริญ ประธานมูลนิธิส่งเสริมการศึกษาไข้หวัดใหญ่ รศ.(พิเศษ) นายแพทย์ทวี โชติพิทยสุนนท์ กรมการแพทย์ นายแพทย์เรวัต วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์ นายแพทย์คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค และนายแพทย์เอื้อชาติ กาญจนพิทักษ์ นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ร่วมกันแถลงข่าว ในวันนี้ สำนักระบาดวิทยาได้รับรายงานจากโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯว่า มีผู้ป่วยยืนยันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช1 เอ็น1 เสียชีวิต 2 ราย โดยเป็นหญิงอายุ 40 ปี มีหัวใจพิการแต่กำเนิด ได้รับการผ่าตัดเมื่ออายุ 12 ปี เริ่มป่วยเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2552 มีอาการคล้ายไข้หวัด มีน้ำมูก ไอ หลังจากนั้น 7 วันซึ่งเป็นวันที่ 14 มิถุนายน 2552 เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล ด้วยอาการมีไข้สูง หอบเหนื่อย มีภาวะปอดบวม ได้รับยาโอเซลทามิเวียร์ จนครบ 5 วันในวันที่ 19 มิถุนายน 2552 ต่อมาในวันที่ 20 มิถุนายน 2552 ผู้ป่วยมีอาการทรุดลง และเสียชีวิต รายที่ 2 เป็นผู้ป่วยชายอายุ 42 ปี เริ่มป่วยวันที่ 18 มิถุนายน 2552 อาการมีไข้ มีน้ำมูก ไอเล็กน้อย เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลวันที่ 23 มิถุนายน 2552 ด้วยอาการไข้สูง เหนื่อย ไอมาก มีภาวะปอดบวม ได้รับยาโอลเซลทามิเวียร์ ต่อมาในวันที่ 26 มิถุนายน 2552 ผู้ป่วยมีอาการทรุดลงและเสียชีวิตในวันนี้ นายวิทยา กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งเดินทางไปกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีนว่า มีความเป็นห่วงประชาชนเป็นอย่างมาก หากมีอาการไข้หวัด รักษาอยู่ที่บ้าน 2-3 วันแล้วไม่ดีขึ้น ขอให้รีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทันที ตั้งแต่เมษายน 2552 ถึงวันนี้ ไทยมีผู้ป่วยยืนยันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช1เอ็น1 รวม 1,209 ราย หายเป็นปกติแล้ว 1,191 ราย ยังคงมีผู้รักษาตัวในโรงพยาบาล 16 ราย จากการดูแลผู้ป่วยทั้งหมดส่วนใหญ่ร้อยละ 90 สามารถหายได้เอง และมีอัตราการเสียชีวิตต่ำกว่าไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลที่มีผู้เสียชีวิตปีละ 30–40 ราย ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนอย่าตื่นตกใจ สำหรับผู้ที่อยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคปอด โรคหัวใจ โรคเบาหวาน ฯลฯ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันโรคต่ำ ผู้สูงอายุ เด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี หญิงตั้งครรภ์ หากป่วยเป็นไข้หวัดควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาอย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรค ส่วนในผู้ป่วยที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงและมีอาการไม่รุนแรง เช่น ไข้ไม่สูง รับประทานอาหารได้ ไม่อ่อนเพลีย แนะนำให้พักผ่อนที่บ้าน ซึ่งส่วนใหญ่อาการจะดีขึ้นและหายได้เองภายใน 5–7 วัน แต่หากภายใน 3 วันอาการไม่ดีขึ้น เช่น ไข้สูงขึ้น ไอมาก หายใจเร็วเหนื่อย อาเจียน ซึม ให้รีบไปพบแพทย์ สำหรับประชาชนทั่วไปขอให้ดูแลตนเอง ไม่แคะจมูก ไม่ขยี้ตา หมั่นล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจล ใช้ช้อนกลาง ไม่ใช้แก้วน้ำ หลอดดูดน้ำ ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดมือร่วมกัน พักผ่อนให้เพียงพอ หากมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมโทร 02-590-1994 และ 02-590-3333 ตลอด 24 ชั่วโมง โดยจะเปิดสายด่วนบริการข้อมูลเพิ่มอีกทางหมายเลข 1330 (สป.สช.) 20 คู่สาย ในวันจันทร์นี้ **************** 27 มิถุนายน 2552


   
   


View 9       ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ