กระทรวงสาธารณสุข ประกาศขึ้นทะเบียนผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ในวันนี้เพิ่มอีก 1 ราย นับเป็นรายที่ 10 เป็นหญิงติดเชื้อมาจากต่างประเทศ ขณะนี้ไข้ลดลง อาการดีขึ้น ส่วนผู้สัมผัสใกล้ชิด 4 รายอยู่ในระบบติดตามของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอย่างใกล้ชิด ยังไม่พบรายใดผิดปกติ ขณะที่ผู้ป่วยรายที่ 9 อาการดีขึ้นมาก ขณะนี้ยังอยู่โรงพยาบาล ด้านผู้ทรงคุณวุฒิโรคติดเชื้อ เตือนสถาบันศึกษารับน้องแปลกประหลาด ส่งลูกอมเม็ดเดียวให้น้องอมต่อกันจนละลายหมดเม็ด เสี่ยงติดเชื้อหลายโรค อันตรายสุดๆ
วันนี้(8 มิถุนายน 2552)นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวความคืบหน้าการเฝ้าระวังโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ว่า ในวันนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศขึ้นทะเบียนพบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ในประเทศไทยเพิ่มอีก 1 ราย เป็นหญิง อายุ 20 ปี นับเป็นรายที่ 10 โดยติดเชื้อมาจากต่างประเทศ ขณะนี้แพทย์ได้รับตัวไว้ดูแลรักษาในโรงพยาบาล โดยได้ส่งทีมสอบสวนเคลื่อนที่เร็ว ติดตามเฝ้าระวังผู้สัมผัสใกล้ชิด เพื่อควบคุมป้องกันการแพร่เชื้ออย่างเต็มที่
นายวิทยากล่าวต่อว่า แม้ว่าโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 จะมีอาการไม่รุนแรงเท่าไข้หวัดนกก็ตาม มีอัตราเสียชีวิตไม่ถึงร้อยละ 1 ก็ตาม แต่กระทรวงสาธารณสุขยังคงใช้ระบบการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง และป้องกันๆไม่ให้เชื้อแพร่กระจายในประเทศ โดยขณะนี้สถานการณ์แพร่ระบาดของไทยจัดอยู่ในระดับบี คือมีการติดต่อในครอบครัวแต่ยังไม่แพร่กระจายสู่ชุมชน และสามารถควบคุมได้ อย่างไรก็ตามเนื่องจากโรคนี้มากับคน ซึ่งมีการเคลื่อนย้ายตลอดเวลา จึงมุ่งเน้นที่การค้นหาและให้การดูแลรักษาอย่างรวดเร็ว ก็จะมีความปลอดภัยทั้งชีวิต และทำให้ประเทศไทยไม่มีการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งจะทำให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวมีความมั่นใจยิ่งขึ้น
ทางด้านนายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ผู้ป่วยรายที่ 10 นี้ เดินทางไปอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2552 และเดินทางกลับถึงไทยเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2552 เวลา 12.00 น. เริ่มป่วยด้วยอาการปวดศีรษะ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2552 ได้ส่งตัวอย่างเสมหะในลำคอตรวจทางไวรัสวิทยา ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ผลการตรวจยืนยันเป็นเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 (H1N1) ขณะนี้อาการทั่วไปดีขึ้น ไข้ลดลงแล้ว แพทย์ได้ให้กินยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ จนครบ 5 วัน
ผู้ป่วยรายดังกล่าว มีผู้สัมผัสใกล้ชิด 4 ราย ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้ส่งทีมสอบสวนโรค (ทีม SRRT) ไปสอบสวนโรคและเฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิดที่บ้าน เป็นเวลา 3 วัน พร้อมให้คำแนะนำให้พักอยู่ในบ้าน ลดกิจกรรมที่ต้องสัมผัสใกล้ชิดกับผู้อื่น ล้างมือบ่อยๆ ใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่สู้ผู้อื่น จนถึงวันนี้ยังไม่พบรายใดมีอาการผิดปกติ
นายแพทย์ปราชญ์กล่าวต่อว่า ส่วนผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 รายที่ 9 ที่กำลังรักษาตัวที่โรงพยาบาล ขณะนี้อาการทั่วไปดีขึ้นมาก ไข้ลดลงจนเป็นปกติแล้ว ส่วนผู้สัมผัสใกล้ชิดทั้ง 6 ราย ยังไม่มีรายใดมีอาการผิดปกติ โดยเจ้าหน้าที่จะทำการติดตามจนพ้นระยะอันตรายคือครบ 7 วัน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้ส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง ซึ่งคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ทั่วไป ผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศและมีอาการป่วยอาจไม่สนใจ หรือไม่คิดว่าติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้ จึงอาจแพร่เชื้อให้แก่ผู้ใกล้ชิด เช่นสมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อนร่วมงาน และเป็นเหตุให้เกิดการแพร่ระบาดกว้างขวางในประเทศต่อไปได้ ดังนั้นจึงขอให้ผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศทุกคน หากมีอาการไม่สบาย เช่นมีน้ำมูกไหล มีไข้ต่ำๆ ไอ เจ็บคอ แม้จะอาการเพียงเล็กน้อยก็ตาม ขอให้รีบไปพบแพทย์ทันที พร้อมแจ้งประวัติการเดินทางกลับมาจากต่างประเทศเพื่อได้รับยารักษาตั้งแต่เนิ่นๆ และต้องขอความร่วมมือสถานพยาบาลทุกแห่ง ให้เคร่งครัดการตรวจรักษาผู้ป่วยที่มีอาการเหล้านี้และมีประวัติเดินทางกลับจากต่างประเทศเป็นพิเศษ ซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยสามารถป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในประเทศได้ผลดี หากมีข้อสงสัย สามารถขอรับคำปรึกษาแนะนำได้ที่สายด่วนไข้หวัดใหญ่หมายเลข 02 590 3333 และ 02 590 1994 ตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ทั่วโลก องค์การอนามัยโลกรายงานเมื่อเช้าวันนี้ ตามเวลาในประเทศไทย มีผู้ป่วยยืนยันผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช1 เอ็น1 ใน ใน 69 ประเทศ รวมผู้ป่วยทั้งหมดจำนวน 21,940 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 8 ราย รวมผู้เสียชีวิตทั้งหมด 125 ราย ใน 4 ประเทศ ดังนี้ เม็กซิโก 103 ราย สหรัฐอเมริกา 17 ราย แคนาดา 3 ราย ชิลี 1 รายและคอสตาริกา 1 ราย อัตราป่วยตายร้อยละ 0.57 สำหรับประเทศไทย มีผู้ป่วยยืนยัน 10 ราย และมีผู้ป่วยในข่ายเฝ้าระวัง อยู่ระหว่างการสอบสวนโรคและตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการ 6 ราย ยังไม่พบการระบาดในพื้นที่
ทางด้านรองศาสตราจารย์(พิเศษ)นายแพทย์ ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านโรคติดเชื้อ กรมการแพทย์ กล่าวว่า สิ่งที่น่าห่วง ขณะนี้พบว่ามีวัยรุ่นในสถานศึกษา มีพฤติกรรมรับน้องที่แปลกประหลาดและพิสดาร โดยให้อมลูกอมเม็ดเดียว แล้วให้รุ่นน้องอมต่อๆกัน โดยการส่งลูกอมต่อกันด้วยปาก จนลูกอมละลายหมดเม็ด ซึ่งเสี่ยงต่อการติดโรคต่างๆ ที่ติดต่อกันทางน้ำลาย ได้ เช่น เอชไอวี โรคไวรัสตับอักเสบเอ โรคไวรัสซีเอ็มวี ไวรัส อีบีวี หรือเรียกว่าโรคจูบกัน พบมากในวัยรุ่นต่างประเทศ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ก็มีโอกาสติดได้ง่ายเช่นเดียวกัน จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะเป็นการแพร่เชื้อโรคต่างๆเข้าสู่กันโดยตรง ควรหลีกเลี่ยงวิธีการรับน้องแบบนี้
........................................................ 8 มิถุนายน 2552
View 13
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ