ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เตือนผู้ที่ชอบรับประทานอาหารทะเลสุกๆดิบๆ ระวังกระเพาะอาหาร-ลำไส้อักเสบ และติดเชื้อทางกระแสโลหิต อันตรายถึงขั้นเสียชีวิต เชื้อแบคทีเรียต้นเหตุชื่อ”วิบริโอ วัลนิฟิคัส” อยู่ในน้ำทะเล น้ำกร่อย เผยรอบ 5ปี พบผู้ติดเชื้อในกระแสโลหิตแล้ว 56 ราย มากที่สุดที่กรุงเทพมหานคร จันทบุรี ราชบุรี ปี 2549 นี้พบ 6 ราย รอดเพียง 1 ราย แนะการป้องกันควรกินอาหารทะเลสุก คนที่มีบาดแผลหรือแค่รอยถลอก ไม่ควรลงน้ำทะเลหรือน้ำกร่อย รวมทั้งคนแกะเปลือกหอย ชาวประมงต้องระวัง! นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศวิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับปัญหาโรคภัยของประชาชนที่เกิดขึ้นมาจากการบริโภคว่า ขณะนี้ยังพบอยู่เนืองๆ โดยสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ในฐานะห้องปฏิบัติการอ้างอิงองค์การอนามัยโลก ได้ทำการเฝ้าระวังโรคติดต่อทางอาหารและน้ำที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียในกลุ่มที่มีชื่อว่าวิบริโอ(Vibrio) ในประเทศไทย พบมีผู้ป่วยโรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ จากการติดเชื้อวิบริโอ พาราฮีโมไลติคัส (Vibrio parahaemoliticus ) สูงเป็นอันดับหนึ่ง พบได้ปีละประมาณ 1,000-2,000 คน สาเหตุเกิดมาจากการรับประทานอาหารทะเลสุกๆดิบๆ ทำให้อุจจาระร่วง อาเจียน นายแพทย์ปราชญ์ กล่าวว่า เชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในกลุ่มนี้อีกชนิดหนึ่งที่มีความสำคัญและมีอันตรายมากที่สุดคือเชื้อวิบริโอ วัลนิฟิคัส (Vibrio vulnificus) ซึ่งอาศัยอยู่ในน้ำทะเลและน้ำกร่อย เป็นเชื้อที่ทำให้เกิดโลหิตเป็นพิษ มีอันตรายมากที่สุดพบได้ร้อยละ 43 หลังติดเชื้อมีโอกาสรอดเพียงร้อยละ 15 โดยผู้ป่วยได้รับเชื้อตัวนี้มาจากการรับประทานอาหารทะเลดิบ ที่นิยมกันมากๆคือหอยนางรม เชื้อจะเข้าสู่กระแสเลือด โดยผ่านทางเยื่อบุทางเดินอาหาร และเข้าทางบาดแผล เชื้อจะลุกลามอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการอักเสบ ไข้หนาวสั่น อ่อนเพลีย อาจมีอาการอุจจาระร่วง อาเจียน หากติดเชื้อทางบาดแผลจะทำให้แผลอักเสบ เจ็บปวด อาจกลายเป็นตุ่ม เนื้อเยื่ออ่อนใต้ผิวหนังเน่าตาย พบได้ร้อยละ 45 และมีโอกาสตายร้อยละ 50 “ที่ผ่านมายังมีประชาชนที่มีความเชื่อว่าน้ำทะเลจะไม่มีเชื้อโรคเนื่องจากเค็ม และบางรายที่มีแผลหรือมีอาการผดผื่นคัน เมื่อลงไปแช่ในน้ำทะเลแล้วจะหายจึงเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ทำให้แผลเกิดการอักเสบได้”นายแพทย์ปราชญ์ กล่าว ทางด้านนายแพทย์ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากการเฝ้าระวังโรค ตั้งแต่ปี 2544- สิงหาคม 2549 พบผู้ติดเชื้อวิบริโอ วัลนิฟิคัส ในกระแสโลหิต 56 ราย โดยพบในภาคกลางมากที่สุด 34 รายคิดเป็นร้อยละ 61 พื้นที่ทีพบมากที่สุดได้แก่กรุงเทพมหานคร 12 ราย รองลงมาคือจันทบุรี 11 ราย ราชบุรี 4 ราย สระบุรี 3 ราย ฉะเชิงเทรา 2 ราย สระแก้วและเพชรบุรีจังหวัดละ 1 ราย รองลงมาคือภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้พบเท่ากัน 9 ราย พบมากที่จังหวัดอุบลราชธานี 5 ราย อำนาจเจริญและอุดรธานี จังหวัดละ 2 ราย ส่วนภาคใต้พบมากที่จังหวัดสงขลาและพังงา จังหวัดละ 3 ราย ภาคเหนือพบ 4 รายที่จังหวัดเพชรบูรณ์ และลำปาง ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่มีอายุ 35-54 ปี เป็นชายมากกว่าหญิงในอัตรา 3 ต่อ 1 พบผู้ป่วยได้ตลอดปี แต่จะพบมากในเดือนธันวาคม และเดือนมิถุนายน นายแพทย์ธวัช กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตามหลังจากเกิดเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิในจังหวัดฝั่งอันดามัน เมื่อปลายปี 2547 เป็นต้นมา จากการติดตามผลกระทบ ตั้งแต่พ.ศ.2548-สิงหาคม 2549 พบว่าไม่มีผลกระทบ จำนวนผู้ป่วยในเขตภาคใต้ไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด ทั้งนี้เฉพาะในปี 2549 ทั่วประเทศพบผู้ป่วยติดเชื้อวิบริโอ วัลนิฟิคัส ในกระแสโลหิตจำนวน 6 ราย โดยพบที่โรงพยาบาลตะกั่วป่า จ .พังงา 2 ราย โรงพยาบาลพระจอมเกล้า เพชรบุรี 1 ราย โรงพยาบาลอำนาจเจริญ 1 ราย โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ 1 ราย โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า 1ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 5 ราย รอดเพียง 1 ราย อัตราป่วยตายสูงถึงร้อยละ 83 โดยจากการสอบสวนประวัติผู้เสียชีวิต 3 รายโดยละเอียด พบว่าส่วนใหญ่จะมีประวัติเคยดื่มสุรา และติดสุรา เป็นโรคตับแข็งมาก่อน นายแพทย์ธวัช กล่าวอีกว่า เชื้อแบคทีเรีย วิบริโอ วัลนิฟิคัส ไม่ใช่เชื้อโรคใหม่ พบได้ทั่วโลก โดยเชื้อนี้อยู่ในตระกูลเชื้อวิบริโอ ซึ่งก่อโรคในระบบทางเดินอาหาร พบเชื้อนี้มากในช่วงฤดูร้อนทุกปี โดยจะแสดงอาการโลหิตเป็นพิษหลังรับเชื้อภายในเวลา 12 -72 ชั่วโมง เฉลี่ย 16 ชั่วโมง และทำให้แผลติดเชื้ออักเสบภายใน 4 ชั่วโมง ถึง 4 วัน เฉลี่ย12 ชั่วโมง การรับเชื้อเข้าสู่ร่างกายได้ 2 ทาง คือการกินอาหารทะเลดิบๆ หรือดิบๆสุกๆก็เป็นได้ และเข้าทางบาดแผล แม้จะแค่เพียงรอยถลอกก็ตาม เช่นประสบอุบัติเหตุทางเรือ รวมทั้งคนที่เสี่ยงคือคนแกะเปลือกหอย ชาวประมง เชื้อดังกล่าวมักจะอาศัยอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่บริเวณปากน้ำ หรือน้ำกร่อย และสามารถพบได้ในสัตว์ทะเลที่มีเปลือก โดยเฉพาะหอยนางรม กลุ่มที่มีความเสี่ยงติดเชื้อนี้เข้าสู่กระแสโลหิตได้แก่ผู้ป่วยโรคตับ ผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมีย ไวรัสตับอักเสบ โรคเลือด เบาหวาน ซึ่งอาการจะรุนแรง ทำให้เชื้อแพร่กระจายทำลายอวัยวะต่างๆได้อย่างรวดเร็ว นายแพทย์ธวัช กล่าวต่ออีกว่า การป้องกันที่ดีที่สุดเพื่อให้ปลอดภัยจากการติดเชื้อเชื้อวิบริโอ วัลนิฟิคัส ประชาชนควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารทะเลดิบทุกชนิด โดยเฉพาะหอยนางรมสด ต้องทำให้สุกก่อนจะรับประทาน และหากมีบาดแผล ไม่ควรสัมผัสน้ำทะเลหรือน้ำกร่อย โดยเฉพาะผู้ที่มีอาชีพแกะเปลือกหอย จะต้องสวมถุงมือยางหนาๆป้องกันเปลือกหอยบาดด้วย สำหรับหอยนางรม ที่มีผู้บริโภคกันมาก โดยเฉพาะหอยนางรมพันธุ์ใหญ่หรือหอยตะโกรม เกือบทั้งหมดเป็นหอยที่ได้จากการเพาะเลี้ยงโดยอาศัยธรรมชาติ หอยจะกรองกินพืชน้ำขนาดเล็กที่แขวนลอยในแหล่งน้ำเค็มเป็นอาหารหลัก อย่างไรก็ตาม มักพบว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่จะรับประทานหอยนางรมสด ก่อให้เกิดไวรัสตับอักเสบ เนื่องจากบริเวณที่เลี้ยงอาจมีการปนเปื้อนน้ำเสียหรือขยะ หรือมีสารพิษโลหะที่ปะปนมากับน้ำจืดก่อนลงทะเลบริเวณปากน้ำที่เลี้ยงหอย ที่สำคัญอาจทำให้ติดเชื้อิวบริโอ วัลนิฟิคัส เกิดโลหิตเป็นพิษ และเสียชีวิตได้ดังที่ปรากฏเป็นข่าวเมื่อไม่นานมานี้ ธันวาคม3/5-6*************************************** 17 ธันวาคม 2549


   
   


View 15    17/12/2549   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ