กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผยว่า สถานการณ์ PM2.5 อยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ (สีแดง) หลายพื้นที่ โดยเฉพาะใน 17 จังหวัดภาคเหนือ กรมอนามัย พร้อมจับมือ สสส. WHO Thailand มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สมาคมส่งเสริมคุณภาพอากาศในอาคาร และภาคีเครือข่าย เปิดตัวโครงการ “ห้องปลอดฝุ่น” เพื่อลดและป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก เริ่มสร้างต้นแบบที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในพื้นที่เสี่ยง และขยายความร่วมมือจัดเตรียมในสถานที่ที่มีกลุ่มเสี่ยงอื่นต่อไป

             วันนี้ (20 กุมภาพันธ์ 2566) นายแพทย์อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยในการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง นวัตกรรมห้องปลอดฝุ่นและขับเคลื่อนชุมชนเพื่อลดและป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพจากฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่างยั่งยืน ณ โรงแรมดิเอ็มเพรส อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ว่า ปัจจุบันสถานการณ์ฝุ่นละอองมีค่าเกินมาตรฐานจนอยู่ในระดับที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน จากฐานข้อมูลสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข พบว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 การเจ็บป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะโรคระบบทางเดินหายใจในประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย อย่างไรก็ดี การเจ็บป่วยเหล่านี้สามารถหลีกเลี่ยงได้และมีความสำคัญที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน เพื่อคุ้มครองสุขภาพประชาชน

             นายแพทย์อรรถพล กล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ยกระดับปฏิบัติการโดยหนึ่งในมาตรการที่สำคัญ คือ การผลักดันให้มีการจัดทำ “ห้องปลอดฝุ่น” ในพื้นที่เสี่ยง เพื่อให้ประชาชนได้อยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศสะอาด ปลอดภัยต่อสุขภาพในช่วงที่มี PM2.5 สูง ทั้งนี้ ห้องปลอดฝุ่น มีหลักการคือ “กันฝุ่นเข้า กรองฝุ่นภายในห้อง และดันฝุ่นออก” ซึ่งสามารถทำได้ทั้งที่บ้านและสถานที่สาธารณะทั่วไป โดยเฉพาะศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เนื่องจากเด็กมีอัตราการหายใจถี่กว่าผู้ใหญ่ รวมถึงปอดยังพัฒนาไม่เต็มที่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสมรรถนะของปอดและคุณภาพชีวิตในระยะยาว โดยในปัจจุบันพบว่ามีเด็กอายุ 0 - 6 ปี กว่า 2.6 ล้านคน อยู่ในพื้นที่เสี่ยงจาก PM2.5 กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข จึงได้จับมือกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดทำโครงการขับเคลื่อนห้องปลอดฝุ่นฯ  โดยการพัฒนาแนวทางและต้นแบบห้องปลอดฝุ่นในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กกว่า 30 แห่ง เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ และขยายผลสู่สถานที่ต่าง ๆ ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงจากมลพิษทางอากาศ รวมถึงได้มีการจัดทำแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงข้อมูลห้องปลอดฝุ่นเพื่อให้ประชาชนทุกคนสามารถค้นหาห้องปลอดฝุ่นในพื้นที่ใกล้เคียง และสืบค้นองค์ความรู้ต่างๆ ได้

          “อีกทั้ง ยังดำเนินการร่วมกับกับภาคีเครือข่าย ทั้งหน่วยงานภาครัฐ สถาบันการศึกษา แกนนำชุมชน สมาคม และภาคเอกชน เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้นวัตกรรมการจัดทำห้องปลอดฝุ่น แนวทางการขับเคลื่อนชุมชนอย่างมีส่วนร่วม เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพและร่วมจัดการปัญหาอย่างยั่งยืน” รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าว

       นายชาติวุฒิ วังวล ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ สสส. กล่าวว่า มลพิษทางอากาศมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วโลก สำหรับสถานการณ์ในประเทศไทย พบว่า อยู่ในระดับสีแดง ดังนั้น เพื่อลดและป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนจาก PM2.5 สสส. จึงสานพลังกับ กรมอนามัย เปิดตัว “ห้องปลอดฝุ่น” ซึ่งเป็นนวัตกรรมหนึ่งที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อลดโอกาสการสัมผัสมลพิษทางอากาศภายในอาคารในภาวะที่เกิดฝุ่นละอองสูงในบรรยากาศ ช่วยลดความเสี่ยงต่อสุขภาพ โดยจะเริ่มสร้างต้นแบบที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในพื้นที่เสี่ยง และจะขยายความร่วมมือในสถานที่ที่มีกลุ่มเสี่ยงจากมลพิษทางอากาศต่อไป”

           ดร.จอส ฟอนเดลาร์ ผู้แทนองค์การอนามัยโลก ประจำประเทศไทย (WHO Thailand) กล่าวว่า “ประเทศไทยถือเป็นประเทศหนึ่งที่มีการดำเนินงานอย่างเข้มแข็งในการรับมือกับมลพิษทางอากาศเพื่อลดการเจ็บป่วยและเสียชีวิตจากสาเหตุดังกล่าวตามเป้าหมายวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) ซึ่งในปีนี้ WHO ร่วมกับกรมอนามัย ดำเนินการรวบรวมและเผยแพร่ Best Practice ทั้งนวัตกรรมห้องปลอดฝุ่น และแนวทางการขับเคลื่อนชุมชนที่มีการจัดการและป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพที่ดี เพื่อเป็นแนวทางให้แก่พื้นที่และประเทศอื่นๆ ต่อไป”

***                           

กรมอนามัย / 20 กุมภาพันธ์ 2566



   
   


View 617    20/02/2566   ข่าวในรั้ว สธ.    สำนักสารนิเทศ