รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ติดตามความก้าวหน้าการอบรม อสม. รุ่นที่ 2 ที่จังหวัดอุทัยธานีและนครสวรรค์ มั่นใจการรณรงค์ตรวจค้นหามะเร็งเต้านมในหญิงไทยทั่วประเทศ 25-30 พฤศจิกายนนี้ จะประสบความสำเร็จเหมือนกับการตรวจวัดความดันโลหิตที่ผ่านมา หญิงไทยจะมีโอกาสรอดตายจากมะเร็งเต้านมมากขึ้น เช้าวันนี้ (25 ตุลาคม 2550) นายแพทย์วัลลภ ไทยเหนือ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดการอบรมฟื้นฟูพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) รุ่นที่ 2 ของอำเภอหนองฉาง จำนวน 550 คน ที่หอประชุมโรงเรียนหนองฉางวิทยา อำเภอหนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี ในช่วงบ่าย เดินทางไปเปิดการอบรมฟื้นฟูพัฒนาศักยภาพ อสม. รุ่นที่ 2 ของอำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ จำนวน 1,000 คน ที่ห้องประชุมกองบิน 4 อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ นายแพทย์วัลลภ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายส่งเสริมให้ อสม. ซึ่งเป็นคนในชุมชน รู้สภาพปัญหาในพื้นที่อย่างดี และเป็นที่เชื่อถือของชาวบ้าน ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลและจัดการสุขภาพประชาชนมากขึ้น โดยในปีนี้ได้พัฒนาศักยภาพ อสม. 800,000 คนทั่วประเทศ ให้เป็นอาสาสมัครสาธารณสุขเชี่ยวชาญ (อสมช.) เน้นความรู้ในเรื่องโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่เป็นปัญหาสาธารณสุขของทุกประเทศทั่วโลก ได้แก่ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคมะเร็ง โดยการอบรมรุ่นแรก สร้าง อสมช. ได้ 297,837 คน คิดเป็นร้อยละ 37 ซึ่งในการรณรงค์ตรวจวัดความดันโลหิตคนไทยอายุ 35 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 2-8 กันยายน 2550 ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะสามารถค้นหาผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงได้กว่า 2 ล้านคน นายแพทย์วัลลภ กล่าวต่อว่า สำหรับการอบรม อสม. รุ่นที่ 2 ขณะนี้แต่ละจังหวัดอยู่ระหว่างดำเนินการอบรม ได้ตั้งเป้าหมายไว้ 300,000 คน ต้องการให้เป็น อสมช. ด้านโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งเต้านม ที่เป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ทั้งของหญิงไทยและผู้หญิงทั่วโลก ซึ่งสามารถตรวจค้นหาได้ด้วยตนเอง และรักษาให้หายขาดได้หากพบในระยะเริ่มแรก โดยกระทรวงสาธารณสุขกำหนดรณรงค์ตรวจหามะเร็งเต้านมพร้อมกันทั่วประเทศ ในวันที่ 25-30 พฤศจิกายน 2550 นี้ มั่นใจว่าจะสามารถกระตุ้นให้ประชาชน โดยเฉพาะผู้หญิงอายุ 35 ปีขึ้นไป เกิดความตระหนักและให้ความสำคัญกับการตรวจเต้านมด้วยตนเองเป็นประจำทุกเดือน ซึ่งจะทำให้สามารถลดอัตราป่วยและเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเต้านมได้เป็นอย่างดี ด้านนายแพทย์นายแพทย์วิทยา ศุภรพันธ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอุทัยธานี กล่าวว่า อัตราตายด้วยมะเร็งทุกชนิดของจังหวัดอุทัยธานี มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากประชากรแสนละ 60 คน ในปี 2546 เป็นแสนละ 63 คน ในปี 2549 ที่ผ่านมาได้มีการอบรมให้ความรู้และทักษะการตรวจเต้านมด้วยตนเองแก่หญิงอายุ 35 ปีขึ้นไป จำนวน 63,903 คน จากทั้งหมด 73,799 คน ตรวจพบก้อนเนื้อผิดปกติ 19 คน ได้ส่งพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและยืนยันว่าเป็นมะเร็งเต้านม 13 คน ได้รับการรักษาตามมาตรฐานทั้งหมด สำหรับสถานการณ์โรคมะเร็งจังหวัดนครสวรรค์ นายแพทย์บัวเรศ ศรีประทักษ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครสวรรค์ กล่าวว่า มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยในปี 2545 อัตราตายแสนละ 49 คน เพิ่มเป็นแสนละ 71 คน ในปี 2549 โดยมะเร็งเต้านมมีอัตราตายแสนละ 9 คน สูงกว่ามะเร็งปากมดลูกที่มีอัตราตายแสนละ 6 คน


   
   


View 8    25/10/2550   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ