วันนี้ (6 กรกฎาคม 2560) ที่ โรงแรมมิราเคิล  แกรนด์ กรุงเทพมหานคร พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จไปทรงเปิดงานสัมมนาวิชาการธาลัสซีเมียแห่งชาติ ครั้งที่ 22 ประจำปี พ.ศ.2560 โดยมี ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.โสภณ   เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรมอนามัย ข้าราชการและประชาชน เฝ้ารับเสด็จ

ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล กราบทูลรายงานว่า ประเทศไทยพบว่า โรคโลหิตจางธาลัสซีเมียเป็นโรคทางพันธุกรรมที่มีอุบัติการณ์สูงมากถึงร้อยละ 1 ของประชากร คือประมาณ 640,000 คน โดยคนไทยเป็นพาหะโรคสูงถึงร้อยละ 35-40 ของประชากร ส่วนใหญ่จะไม่ทราบว่าตนเองเป็นพาหะ แต่เมื่อแต่งงานกับคู่สมรสที่เป็นพาหะธาลัสซีเมียชนิดเดียวกัน บุตรจึงมีโอกาสเป็นธาลัสซีเมียได้ กระทรวงสาธารณสุข และมูลนิธิโรคโลหิตจางธาลัสซีเมียแห่งประเทศไทย รวมทั้งหน่วยงานสังกัดโรงเรียนแพทย์ต่างๆ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และองค์การเภสัชกรรมได้บูรณาการความร่วมมือแก้ไขปัญหาธาลัสซีเมีย โดย 1.รักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคแล้วอย่างเหมาะสมเพื่อให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดี 2.การป้องกันมิให้ทารกเกิดใหม่เป็นโรคธาลัสซีเมียชนิดรุนแรงการรักษาผู้ป่วยให้หายขาดมีวิธีเดียวในปัจจุบันคือ การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด ซึ่งได้มีการวิจัยและพัฒนาให้ผลการรักษาที่ดีขึ้นและมีผลแทรกซ้อนลดลง

สำหรับการป้องกันและควบคุมธาลัสซีเมียชนิดรุนแรง กระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศนโยบายส่งเสริมป้องกันควบคุมโรคธาลัสซีเมียและฮีโมโกลบินผิดปกติของประเทศไทย เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2548 และถือเป็นสิทธิประโยชน์หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของหญิงตั้งครรภ์และสามี ที่จะได้รับการบริการฟรี เพื่อให้ทารกเกิดใหม่มีสุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรง มีคุณภาพ และมารดาปลอดภัยจากการคลอดบุตร ปัจจุบันสถานบริการสาธารณสุข
ทุกแห่งได้จัดบริการป้องกันและควบคุมโรคธาลัสซีเมียอย่างครบวงจร และประสานความร่วมมือของหน่วยงาน
ทุกระดับโดยมอบหมายให้กรมอนามัยเป็นผู้ดำเนินการประสานงาน และติดตามผลงานอย่างใกล้ชิด

การสัมมนาวิชาการครั้งนี้ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชันษา 60 ปี เพื่อเพิ่มพูนความรู้ทักษะ องค์ความรู้ เทคโนโลยีใหม่ๆ และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ การดำเนินงานป้องกันและควบคุมโรคธาลัสซีเมีย ภายในและระหว่างประเทศ พร้อมสร้างระบบเครือข่าววิชาการภายในประเทศ และสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้(ASEAN)

*****************************  6 กรกฎาคม 2560



   
   


View 21    06/07/2560   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ