รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เตือนภัย โรคเบาหวาน เป็นตัวเร่งให้ผู้ชายเผชิญกับปัญหาสมรรถภาพทางเพศเสื่อมเร็วกว่าคนทั่วไป 10-15 ปี ชายใดที่เกิดปัญหานี้ควรปรึกษาแพทย์ อย่าซื้อยากินเอง ชี้ผลสำรวจสุขภาพคนไทยล่าสุดนี้ พบผู้ชายอายุ15 ขึ้นไป ป่วยเป็นโรคเบาหวานแล้ว 1 ล้าน 6 แสนคน อยู่ในกทม.มากที่สุด ด้านอธิบดีกรมอนามัย ห่วงภัยผู้หญิงที่เข้าร้านเสริมสวยแต่งเล็บ อาจแจ็คพ็อตเล็บอักเสบ ติดเชื้อ เพราะตัดเล็บผิดวิธี หากเป็นเบาหวานอาจถูกตัดเท้าได้
นายแพทย์มรกต กรเกษม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ขณะนี้ปัญหาสุขภาพคนไทย โดยเฉพาะคนวัยทำงานอายุ40 ปีขึ้นไปจนถึงคนสูงอายุน่าห่วงมาก เนื่องจากมักเกิดการเจ็บป่วย โดยเฉพาะโรคเบาหวาน ผลการสำรวจสุขภาพคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไปทั่วประเทศล่าสุดในปี 2547 พบมีผู้เจ็บป่วยจากโรคเบาหวานร้อยละ 9 หรือมากกว่า 3 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นผู้ชายประมาณ 1 ล้าน 6 แสนคน โดยอยู่ในกรุงเทพมหานครมากที่สุดประมาณ 370,715 คน ร้อยละ 48 ของผู้ชายในกรุงเทพไม่รู้ตัวว่าเป็นเบาหวาน และมากกว่าครึ่งมักอ้วน ในภาพรวมทั่วประเทศมีกลุ่มคนที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติ ยังไม่ถึงขั้นป่วย แต่เสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานอีก 7 ล้านกว่าคน พบในชายมากกว่าหญิงเล็กน้อย โดยจากการสำรวจองค์การอนามัยโลกในปีเดียวกัน พบทั่วโลกมีคนเป็นโรคเบาหวาน 246 ล้านคน และคาดการณ์ว่าในปีพ.ศ.2568 จะมีผู้ป่วยเบาหวานทั่วโลกประมาณ 380 ล้านคน
ทั้งนี้ สาเหตุการป่วยของโรคเบาหวานพบว่ากว่าร้อยละ 97 ไม่ได้เกิดจากกรรมพันธุ์เหมือนแต่ก่อน แต่เกิดมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต เรียกว่าเบาหวานชนิดที่ 2 ทำให้ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินค่าปกติ ซึ่งมีความรุนแรงกว่าเบาหวานที่เกิดจากกรรมพันธุ์ ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่ออวัยวะต่างๆได้เกือบทุกระบบ เช่นทำให้ตามัวหรือบอด ไตเสื่อม ไตวาย โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โดยผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่2 นี้เมื่อวินิจฉัยโรคครั้งแรกจะพบโรคแทรกซ้อนเรื้อรังอย่างใดอย่างหนึ่งได้มากถึงร้อยละ 50 เนื่องจากส่วนใหญ่มักจะไม่รู้ตัวมาก่อนว่าเป็นโรค
โดยเฉพาะผู้ชาย อาจทำให้เกิดปัญหาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ทำให้คุณภาพชีวิตเลวลง ซึ่งโดยทั่วไป การเสื่อมสมรรถภาพทางเพศมักจะพบได้ในผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป หรืออยู่ในช่วงที่เรียกกว่าวัยทอง เป็นผลมาจากฮอร์โมนเพศลดต่ำลง แต่ในผู้ชายที่เป็นโรคเบาหวาน จะเกิดปัญหานี้เร็วกว่าคนปกติทั่วไป 10-15 ปี นายแพทย์มรกตกล่าว
นายแพทย์มรกตกล่าวต่อว่า การเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ นอกจากจะเกิดจากโรคเบาหวานแล้ว ยังอาจเกิดมาจากสาเหตุอื่นเช่นผลจากด้านจิตใจ เช่นมีความรู้สึกซึมเศร้า จากโรคเบาหวานซึ่งเป็นโรคเรื้อรัง รวมทั้งผลจากการใช้ยาบางตัว โดยเฉพาะยารักษาโรคความดันโลหิตสูงบางตัว ดังนั้นเมื่อเกิดอาการนี้ อย่าซื้อยากินเองอย่างเด็ดขาด ควรปรึกษาแพทย์จะปลอดภัยที่สุด ซึ่งขณะนี้ โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศ ได้เปิดคลินิกสำหรับบริการผู้ป่วยโรคเบาหวานโดยเฉพาะแล้ว และขยายผลไปถึงศูนย์สุขภาพชุมชน ศูนย์แพทย์ชุมชนด้วย เพื่อบริการผู้ป่วยใกล้บ้านที่สุด
ทางด้านนายแพทย์ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน จะต้องเคร่งครัดในการปฏิบัติตัวตามที่แพทย์แนะนำ ซึ่งหลักการสำคัญมุ่งเน้น 3 ประการ คือกินยาควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด การออกกำลังกาย และการควบคุมอาหาร หากทำได้จะลดความเสี่ยงโรคแทรกซ้อนได้มากถึงร้อยละ40 แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พบว่ามีผู้ป่วยโรคเบาหวานที่รักษาตัว แต่ไม่สามารถควบคุมอาการได้มีประมาณร้อยละ 29 คนกลุ่มนี้จึงเสี่ยงโรคแทรกซ้อนสูง โดยเฉพาะแผลที่เท้า พบได้ร้อยละ 15 แผลที่พบส่วนใหญ่เป็นแผลเรื้อรัง หากดูแลรักษาไม่ถูกต้องจะถูกตัดเท้า สูงกว่าคนปกติ15-40 เท่าตัว
กลุ่มที่น่าห่วง คือกลุ่มผู้หญิง ที่ชอบเข้าร้านเสริมสวย ทำเล็บ แต่งเล็บเท้า ซึ่งเป็นเรื่องที่อยู่ใกล้ตัวมาก เนื่องจากร้านเสริมสวยส่วนใหญ่ ยังตัดเล็บเท้าไม่ถูกวิธี โดยมักจะตัดเป็นแนวโค้ง เพื่อให้ดูแล้วเรียว ซึ่งผิดวิธี จะทำให้เกิดอักเสบหรือเกิดปัญหาเล็บขบ จากเล็บที่งอกใหม่แทงเนื้อที่จมูกเล็บ ซึ่งหากเป็นผู้ที่เป็นโรคเบาหวานไม่ว่าจะรู้ตัวหรือยังไม่รู้ตัวว่าเป็นก็ตาม จะมีอันตราย ทำให้เกิดการติดเชื้อ แผลอักเสบลุกลามง่ายขึ้น ซึ่งพบได้บ่อยและมีโอกาสถูกตัดขาได้ การตัดเล็บเท้าที่ถูกต้องนั้นต้องตัดแนวตรง เสมอปลายนิ้ว อย่าตัดลึกมาก เพราะจะเกิดแผลได้ง่าย และไม่ควรใช้วัตถุแข็งแคะซอกเล็บ โดยโรคเบาหวานมีความพิเศษกว่าโรคอื่นๆ ที่ต้องดูแลระมัดระวังความสะอาดของเท้า ยิ่งกว่าดูแลใบหน้า
ที่ผ่านมา จะมีผู้ป่วยเบาหวานที่ถูกตัดเท้าทุกปี ปีละประมาณ 14,000 คน คาดว่าในปี 2553 ประเทศไทยจะมีผู้ป่วยเบาหวานถูกตัดเท้าเพิ่มขึ้นปีละเกือบ 30,000 คน และการรักษาแผลที่เท้าด้วยการตัดเท้า ไม่ใช่สิ่งที่ปลอดภัย เนื่องจากมีผู้เสียชีวิตจากการถูกตัดเท้าร้อยละ 3-7 ส่วนผู้ที่ไม่เสียชีวิตจะเกิดปัญหาต่างๆถึงร้อยละ36 ดังนั้นการป้องกันไม่ให้เกิดแผลจึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด โดยดูแลสุขภาพเท้าอย่างสม่ำเสมอ มีคำแนะนำให้ผู้ป่วยเบาหวานดังนั้นคือให้ล้างเท้าทุกวัน อย่าใช้แปรงขนเนื้อแข็งขัดเท้า ควรสำรวจเท้าทุกวัน หากพบเล็บขบ ตาปลา หูด ผิวหนังแห้งและแตกเป็นร่อง ควรปรึกษาแพทย์ทันที
สำหรับร้านเสริมสวยต่างๆ ซึ่งทั่วประเทศมีประมาณ 300,000 แห่ง ขณะนี้กรมอนามัยได้จัดทำมาตรฐานของร้านเสริมสวย ทั้งความสะอาดร้าน อุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในการเสริมสวย และสุขภาพของช่างเสริมสวย เพื่อให้เป็นร้านเสริมสวยสะอาด ปลอดภัย น่าใช้บริการ จัดพิมพ์จำนวน 5,000 เล่มเพื่อสนับสนุนให้ศูนย์อนามัยสิ่งแวดล้อม 12 แห่ง นำไปขยายผลอบรมร้านเสริมสวยต่างๆร่วมกับเทศบาล ซึ่งหลายจังหวัดอบรมไปแล้ว เช่นที่เชียงใหม่จะจัดอบรมปลายเดือนนี้ และที่ขอนแก่นอบรมในเดือนกันยายน
******************************** 9 กันยายน 2550
View 16
09/09/2550
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ