ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กำชับสถานบริการสาธารณสุขทุกแห่ง เข้มมาตรการป้องกันผลกระทบบริการประชาชน พร้อมให้การดูแลรักษาผู้ป่วยตลอด 24 ชั่วโมง แนะป้องกันโรคที่มากับฝน
นายแพทย์โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ในช่วงสัปดาห์นี้ ตามพยากรณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา ว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากในทุกภาค โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีชายแดนติดกับประเทศพม่า ซึ่งได้รับผลกระทบจากพายุดีเปรสชันโรอานู (ROANU) โดยในวันนี้ (23 พฤษภาคม 2559) ได้รับรายงานจากศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาสาธารณภัย ด้านการแพทย์และสาธารณสุข ว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา (22 พฤษภาคม 2559) มีสถานบริการสาธารณสุขเสียหายเล็กน้อยจากฝนตกหนัก ลมแรง ใน 2 จังหวัด ได้แก่ รพ.สต.ลำเลียง และรพ.สต.บางแก้ง จังหวัดระนอง และบ้านพักเจ้าหน้าที่ที่โรงพยาบาลพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย นอกจากนี้ มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 2 ราย ที่จังหวัดตรัง แพทย์ทำแผลและให้กลับบ้านได้ ทุกสถานบริการสาธารณสุขยังเปิดบริการได้ตามปกติ ได้กำชับสถานบริการสาธารณสุขทุกแห่ง ติดตามสถานการณ์และยังคงเข้มงวดมาตรการรองรับภัยพายุฝนต่อเนื่อง ป้องกันผลกระทบบริการประชาชน พร้อมให้การดูแลรักษาผู้ป่วยตลอด 24 ชั่วโมง
นายแพทย์โสภณ กล่าวต่อว่า ขอแนะนำประชาชนให้ตรวจสอบและซ่อมแซมอาคารที่พัก สายไฟ ปลั๊กไฟ อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ เพื่อความปลอดภัย รวมทั้งดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ป้องกันการเจ็บป่วย ที่พบบ่อยคือ โรคระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ โรคหวัด ไข้หวัดใหญ่ (Influenza) คออักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบหรือปอดบวม ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสและแบคทีเรียที่อยู่ในอากาศ ติดต่อกันได้ง่ายจากการไอจาม หากป่วยเป็นหวัด ขอให้ใช้ผ้าปิดปากและจมูก หรือสวมหน้ากากอนามัย หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ชุมชน และควรล้างมือให้สะอาดบ่อยๆ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงป่วยง่ายและรุนแรง ได้แก่ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรังต่างๆ และเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ขอให้ระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะหากเป็นโรคปอดบวมอาจเสียชีวิตได้ พ่อแม่หรือผู้ดูแลเด็กต้องสังเกตอาการหากมีไข้ไอ หายใจเร็ว หรือ หอบเหนื่อย ให้รีบพาไปพบแพทย์ เพื่อให้การรักษาได้อย่างทันท่วงที
นอกจากนี้ ขอให้หลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำขัง ย่ำดินที่เฉอะแฉะ เพื่อป้องกันโรคฉี่หนูหรือโรคเลปโตสไปโรซีส ซึ่งเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในฉี่หนูหรือสัตว์เลี้ยงอื่นๆ เช่น สุนัข สุกร โค กระบือ ปนเปื้อนอยู่ใน ดิน โคลน ที่ชื้นแฉะมีน้ำท่วมขัง โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะมีอาการหลังจากได้รับเชื้อประมาณ 2 สัปดาห์ ได้แก่ มีไข้สูงเฉียบพลัน ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง โดยเฉพาะที่น่องและโคนขา อาจมีอาการตาแดง คอแข็ง มักมีไข้ติดต่อกันหลายวันสลับกับระยะไข้ลด อาจมีผื่นที่เพดานปาก หรือมีจุดเลือดออกตามผิวหนังและเยื่อบุระยะท้ายอาจมีตับและไตวาย ปอดอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และเสียชีวิตได้ ดังนั้นหากมีอาการปวดศีรษะฉับพลัน มีไข้สูงปวดกล้ามเนื้ออย่างรุนแรงหลังเดินลุยน้ำหรือดินโคลน ให้รีบไปพบแพทย์รับการรักษาอย่างถูกต้องโดยเร็ว
******************************* 23 พฤษภาคม 2559
View 22
23/05/2559
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ