รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ดูงานการดูแลผู้ป่วยโรคเอดส์ที่วัดหัวริน ต.ทุ่งสะโตก จ.เชียงใหม่ พบหลังได้รับยาต้านไวรัสเอดส์ อาการดีขึ้นมาก ร่างกายแข็งแรง ในภาพรวมที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบนขณะนี้ ดีขึ้นมาก การตายในปี 2549 ลดลงกว่าปี 2542 เกือบ 8 เท่าตัว เร่งเพิ่มการป้องกันการติดเชื้อซ้ำซ้อน
วันนี้ (30 สิงหาคม 2550) นายแพทย์มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เดินทางไปที่วัดหัวริน ต.ทุ่งสะโตก อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ เพื่อเยี่ยมชมระบบการดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวีในชุมชน ซึ่งที่สันป่าตองจัดเป็นพื้นที่ที่มีผู้ป่วยโรคเอดส์สูงเป็นอันดับ 1 ของจังหวัดเชียงใหม่ แต่มีระบบการดูแลเชื่อมโยงระหว่างชุมชน วัด และโรงพยาบาล สานใจดูแลผู้ป่วยเป็นหนึ่งเดียว ทำให้ผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยที่ได้รับยาต้านไวรัส มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น สามารถทำงานอยู่ร่วมกับคนปกติได้ ซึ่งเป็นรูปแบบที่ดีของการจัดระบบดูแลผู้ติดเชื้อเอดส์โดยชุมชน สามารถที่จะขยายไปชุมชนอื่นได้
นายแพทย์มงคลกล่าวว่า หลังจากที่ประเทศไทยได้ใช้ระบบการดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวี ด้วยยาต้านไวรัสเอดส์ในรอบ 4 ปีมานี้ ในภาพรวมทั่วประเทศซึ่งยังมีผู้ติดเชื้อมีชีวิตอยู่ประมาณ 5 แสนคน พบว่ามีสุขภาพแข็งแรงขึ้น ทำงานได้ โดยที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ประกอบด้วย เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน พะเยา แพร่ น่าน มีผู้ป่วยเอดส์ทั้งหมด 79,061 คน ซึ่งมากที่สุดในประเทศ เป็นชายต่อหญิงในอัตรา 2:1 แนวโน้มผู้ป่วยลดลงจาก 6,477 คนในปี 2542 เหลือ 2,864 คน ในปี 2549 ส่วนการเสียชีวิตลดลงในช่วงเดียวกัน จาก 3,083 คน เหลือ 422 คน หรือลดลง 8 เท่าตัว เป็นสัญญาณที่ดีมาก หากไทยทำเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง มั่นใจว่าผู้ป่วยโรคเอดส์จะมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ชีวิตยืนยาว และโรคเอดส์จะไม่ใช่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิต
ทั้งนี้ ภาคเหนือตอนบนมีอัตราการครอบคลุมยาต้านไวรัสเอดส์ 21,384 คน เป็นผู้ใหญ่ 19,473 คน ที่เหลือเป็นเด็ก โดยมีอัตรารักษาต่อเนื่องร้อยละ 92 สูงกว่าเป้าหมายที่กำหนด ชี้ให้เห็นว่าการประกาศทำซีแอลของไทย เป็นการทำเพื่อผู้ติดเชื้อ ซึ่งส่วนใหญ่มีฐานะยากจน ที่ผ่านมาต้องหมดเงินไปกับค่ายา จึงเป็นการสร้างประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์อย่างมหาศาล โดยไม่ได้หวังผลกำไรใดๆ ทั้งสิ้น และได้ผลดีเกินคาด
นายแพทย์ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ป่วยโรคเอดส์ทั่วประเทศที่มีระดับเม็ดเลือดขาวต่ำกว่า 200 เซลล์ต่อลูกบาศก์มิลลิเมตร ได้รับยาต้านไวรัสเอดส์ ประมาณ 8 หมื่นคน จากเป้าหมาย 120,000 คน ที่น่าห่วงพบว่าคนกลุ่มนี้หลังมีสุขภาพแข็งแรงขึ้น จะมีความรู้สึกอยากใช้ชีวิตเช่นคนปกติ อยากมีเพศสัมพันธ์เหมือนแต่ก่อน ดังนั้นจึงต้องเพิ่มการให้คำแนะนำเรื่องการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง ถึงแม้ว่าคู่นอนจะเป็นผู้ติดเชื้อก็ตาม เพื่อป้องกันเชื้อกลายพันธุ์ รวมทั้งจะต้องพบแพทย์กินยาอย่างต่อเนื่อง อย่าหยุดยาเอง เพราะมีผู้ป่วยบางส่วนพอร่างกายแข็งแรง ก็คิดว่าน่าจะหายป่วยแล้ว ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด มีผลทำให้เชื้อดื้อยา ต้องใช้ยาตัวใหม่ที่แรงกว่าเดิม เพราะยาไม่ได้ฆ่าเชื้อ แค่ยับยั้งไม่ให้เชื้อแพร่พันธุ์รวดเร็วเท่านั้น จึงต้องกินยาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค ได้เตรียมถุงยางอนามัยฟรีให้กลุ่มผู้ป่วย ผู้ติดเชื้อ รวมทั้งกลุ่มเสี่ยงอื่นๆ ทั่วประเทศในปีนี้จำนวน 40 ล้านชิ้น และปีหน้าได้เตรียมไว้ 50 ล้านชิ้น ขอรับได้ที่สถานบริการสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศ
******************************* 30 สิงหาคม 2550
View 14
30/08/2550
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ