กระทรวงสาธารณสุข เร่งรณรงค์คนไทยกิน น้ำพริก-ผักจิ้ม ลดความเสี่ยงโรคเรื้อรังร้ายแรงที่สำคัญ เช่น มะเร็ง โรคหัวใจ หลอดเลือดสมอง พร้อมเดินหน้าพัฒนาสมุนไพรไทยรักษาโรค ตามแนวพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เพื่อการพึ่งพาตนเอง ลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศปีละนับแสนล้านบาท ชี้แค่ยารักษามะเร็ง โรคหัวใจ เพียง 2 โรค ในปีที่ผ่านมาไทยใช้มากกว่า 5 พันล้านบาท
เช้าวันนี้ (29 สิงหาคม 2550) ที่อาคารอิมแพค เมืองทองธานี นนทบุรี นายแพทย์มรกต กรเกษม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ร่วมเปิดงาน มหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 4 จัดโดยกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ร่วมกับ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา องค์การเภสัชกรรม สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ บริษัทมติชน จำกัด (มหาชน) มูลนิธิสุขภาพไทย มูลนิธิหมอชาวบ้าน มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร และมูลนิธิส่งเสริมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โดยชูประเด็นความเด็ดอาหารไทย 1 ถ้วยน้ำพริก 100 ชนิดสมุนไพร 60 ล้านไทยแข็งแรง
นายแพทย์มรกต กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพของประชาชน สูงถึง ปีละประมาณ 400,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นค่ายาร้อยละ 30 หรือประมาณ 120,000 ล้านบาท โดยเกือบทั้งหมดเป็นยาแผนปัจจุบัน ที่แม้เราจะผลิตได้เองในประเทศ แต่ยังคงต้องนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ ซึ่งภาระค่าใช้จ่ายด้านยานี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน เนื่องจากคนไทยมีแนวโน้มเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรัง อันเป็นผลมาจากพฤติกรรมการบริโภคมากขึ้น ต้องรักษาตัว พึ่งยาตลอดชีวิต โดยในปี 2549 พบคนไทยเสียชีวิตจากโรคมะเร็งสูงเป็นอันดับ 1 ถึง 50,000 คน รองลงมาเป็นโรคหลอดเลือดสมองและโรคหัวใจ ซึ่งยาที่ใช้รักษาโรคเหล่านี้มักมีราคาแพง เนื่องจากเป็นยาที่มีสิทธิบัตรในต่างประเทศ ทำให้ประเทศไทยต้องเสียค่ายารักษามะเร็งสูงถึงปีละ 4 พันล้านบาท ค่ายารักษาโรคหัวใจ 1,400 ล้านบาท
นายแพทย์มรกต กล่าวต่อว่า ในการแก้ไขปัญหานี้ กระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการ 2 ส่วนคือ การแก้ที่ต้นเหตุ โดยการปรับพฤติกรรมการบริโภคของคนไทย ให้หันมากินอาหารไทยแทนอาหารประเภทฟาสต์ฟู้ดต่างๆ ในปีนี้จะเน้นรณรงค์ให้คนไทยทุกวัยกิน น้ำพริก-ผักจิ้ม ซึ่งเป็นอาหารตำรับไทยแท้ รสเด็ด ให้ได้อย่างน้อย 1 มื้อ ซึ่งจากการวิจัยทดลองและติดตามผลในคนไทยเป็นเวลากว่า 10 ปีมานี้ พบว่าช่วยสร้างภูมิต้านทานโรคและลดความเสี่ยงโรคต่างๆ ได้อย่างดี อาทิ มะเร็ง เบาหวาน ไขมันอุดตันในเส้นเลือด โรคอ้วน อัมพฤกษ์ อัมพาต ภูมิแพ้ และอาการหวัด เป็นต้น เนื่องจากในน้ำพริก จะมีส่วนผสมของสุดยอดสมุนไพรของโลก อาทิ พริก กระเทียม หัวหอม ส่วนผักจิ้มต่างๆ จะมีสารไฟโตเคมิคอล (Phytochemical) ช่วยเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง เพิ่มภูมิคุ้มกันและต่อต้านอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ ผักยังมีเส้นใยอาหาร ช่วยควบคุมระดับไขมันและน้ำตาลในเลือด ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยลดอัตราการตายจากโรคมะเร็งและโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ร้อยละ 20 และลดอัตราตายจากโรคหลอดเลือดสมองได้ถึงร้อยละ 26-42 คุณสมบัตินี้ ทำให้อาหารไทยกำลังเป็นที่นิยมของต่างชาติในขณะนี้
ส่วนที่ 2 คือ การส่งเสริมให้มีการใช้สมุนไพรไทยเป็นยารักษาโรคให้มากขึ้น ทั้งนี้ ได้รับทราบจากเจ้าหน้าที่ประจำสำนักพระราชวัง กองงานส่วนพระองค์ว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงสนพระทัยสมุนไพรไทยเป็นอย่างมาก และทรงให้การส่งเสริมที่จะใช้สมุนไพรเป็นยารักษาโรคแทนยาแผนปัจจุบัน ซึ่งนับเป็นนิมิตหมายที่ดี และกระทรวงสาธารณสุขจะเร่งผลักดันส่งเสริมการพัฒนาสมุนไพรของไทยอย่างเต็มที่ เพื่อสนองพระราชดำริ ช่วยลดการพึ่งพิงต่างชาติด้านยาให้มากที่สุด โดยภายใน พ.ศ. 2554 ตั้งเป้าจะให้มียาสมุนไพรใช้ในโรงพยาบาลทั่วประเทศให้ได้ร้อยละ 25 ของยาที่ใช้ในโรงพยาบาลทั้งหมด
ด้านนายแพทย์สมยศ เจริญศักดิ์ อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า การจัดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งนี้ เป็นการรวบรวมองค์ความรู้ด้านสมุนไพรและพืชผักจากทั่วประเทศ มาประยุกต์ใช้ในการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรค และลดความเสี่ยงจากโรคเรื้อรังร้ายแรงที่กำลังคุกคามสุขภาพคนไทยในปัจจุบัน จึงขอเชิญชวนผู้สนใจทุกคนเข้าร่วมงานฟรี ตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึงวันที่ 2 กันยายน 2550 ในเวลา 10.00-20.00 น.
******************************** 29 สิงหาคม 2550
View 21
29/08/2550
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ