กระทรวงสาธารณสุขเผยข่าวดีคนไทยที่ป่วยเป็นโรคหัวใจ จะได้ใช้ยา โคลฟิโดเกรล มารักษาแล้ว ผลการเสนอราคายาเมื่อวานนี้ ได้บริษัท เอ็มเคียวของอินเดีย เสนอขายเพียงเม็ดละ 1.01 บาท ต่ำกว่าราคาเดิมที่ขาย เม็ดละกว่า 70 บาท ขั้นตอนต่อจากนี้จะเร่งบริษัทดังกล่าวขึ้นทะเบียนกับอ.ย. เร็วที่สุด และให้องค์การเภสัชกรรมสั่งนำเข้าทันที 2 ล้านเม็ด คาดคนไทยได้ใช้ในอีก 1-2 เดือนนี้
นายแพทย์วิชัย โชควิวัฒน ประธานคณะกรรมการดำเนินการบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรยา กระทรวงสาธารณสุขและประธานบอร์ดองค์การเภสัชกรรม ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าของการพิจารณาจัดซื้อยาโคลฟิโดเกรล(Clopidogrel) ซึ่งเป็นยารักษาโรคหัวใจ หลังจากที่ได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องการใช้สิทธิตามสิทธิบัตรด้านยาและเวชภัณฑ์เมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2550 ว่า จากการตรวจสอบข้อมูลของบริษัทยาในประเทศอินเดีย ซึ่งผลิตยาสามัญดังกล่าวในฟอร์มที่ 2 โดยยาดังกล่าวมี 2 ฟอร์ม ฟอร์มที่ 1 ไม่มีสิทธิบัตรในประเทศไทย ส่วนฟอร์มที่ 2 เป็นฟอร์มที่ยังติดสิทธิบัตรอยู่ ผลการตรวจสอบปรากฏว่ามี 3 บริษัทที่มีข้อมูลว่ายามีคุณภาพได้มาตรฐานสากล
นายแพทย์วิชัย กล่าวว่า องค์การเภสัชกรรมได้ประกาศให้บริษัทต่างๆได้มาเสนอราคา เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2550 ปรากฏว่ามีผู้มาเสนอราคายาทั้งหมด 4 บริษัท ในจำนวนนี้มีบริษัทที่ผลิตยาต้นแบบได้มาร่วมเสนอราคาด้วย ผลปรากฏว่าบริษัทที่ชนะการเสนอราคาครั้งนี้ ได้แก่ บริษัทเอ็มเคียว ของอินเดีย เสนอขายราคาต่ำที่สุด เพียงเม็ดละ 1.01 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาเดิมที่เคยซื้อตกเม็ดละ 70 กว่าบาท และขายในโรงพยาบาลราวเม็ดละ 90-150 บาท
ขั้นตอนที่จะดำเนินการต่อจากนี้ไปก็คือ องค์การเภสัชกรรม กำลังเร่งรัดเพื่อสั่งนำเข้าและให้บริษัทดังกล่าวมาขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อ.ย.) โดยเร็วที่สุด โดยจะสั่งซื้อครั้งแรกจำนวน 2 ล้านเม็ดก่อน ซึ่งจะประหยัดเงินของชาติได้ทันที ประมาณ 138 ล้านบาท คาดว่าคนไทยจะได้ใช้ยานี้ในอีก 1-2 เดือนนี้ นายแพทย์วิชัยกล่าว
สำหรับยาโคลฟิโดเกรล ที่จำหน่ายในประเทศไทยภายใต้ชื่อการค้าว่าพลาวิกซ์ (Plavix) เป็นยาที่มีประสิทธิผลในการป้องกันความรุนแรงของโรคหลอกดเลือดอุดตันทั้งหัวใจและในสมอง รวมทั้งใช้ระยะสั้นในการสอดฝังขดลวดค้ำยันผนังหลอดเลือด โดยยาดังกล่าวจะยับยั้งการจับกลุ่มกันของเกล็ดเลือด แต่ยาดังกล่าวมีราคาแพงมาก ยากต่อการเข้าถึง เนื่องจากมีสิทธิบัตรคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตร ทำให้ปราศจากการแข่งขัน ขณะนี้คนไทยมีอัตราป่วยจากโรคหลอดเลือดและหัวใจ แสนละ 350 คน เฉพาะประชาชนที่อยู่ในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ระบบเดียว ซึ่งมี 45 ล้านคน มีความจำเป็นต้องใช้ยานี้สูงถึงปีละ 20 ล้าน 5 แสนเม็ด แต่ที่ผ่านมามีผู้ป่วยเพียงร้อยละ 20 เท่านั้น ที่สามารถเข้าถึงยานี้
***************************** 22 สิงหาคม 2550
View 28
22/08/2550
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ