องค์การอนามัยโลก เผยต้นเหตุสำคัญที่ทำให้คนทั่วโลก รวมทั้งคนไทยป่วยและเสียชีวิตจากโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็ง กันมาก เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต องค์การอนามัยโลกระบุบุหรี่ การไม่ออกกำลังกาย และกินผักผลไม้น้อย เป็นตัวการที่ทำให้คนป่วยเร็วขึ้น โดยผลสำรวจล่าสุดพบคนไทยกินผักผลไม้น้อยมาก เฉลี่ยวันละไม่ถึง 3 ขีด ยังไม่เพียงพอต่อการป้องกันโรค นายแพทย์วัลลภ ไทยเหนือ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายยกระดับมาตรฐานความรู้ความสามารถของอาสาสมัครสาธารณสุขหรืออสม. เพื่อพัฒนาอสม.ที่ทำงานร่วมกันมานาน 30 ปี ให้มีความเชี่ยวชาญในการส่งเสริมป้องกันโรค ซึ่งเป็นการทำงานเชิงรุก สามารถถ่ายทอดความรู้การดูแลสุขภาพรายบุคคล ดูแลความปลอดภัยสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงสุขภาพสังคม และประเทศได้ เพื่อลดปัญหาและลดจำนวนการเจ็บป่วยของประชาชน โดยคาดว่าโรคที่จะก่อให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพรุนแรงทั้งไทยและทั่วโลกใน 30 ปีจากนี้ไป ได้แก่โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคมะเร็ง ซึ่งโรคเหล่านี้เกิดจากพฤติกรรมการกินอยู่ไม่ถูกต้อง ทำให้อ้วนและก่อให้เกิดปัญหาตามมา นายแพทย์วัลลภกล่าวว่า มีรายงานสุขภาพจากองค์การอนามัยโลกระบุว่า ประมาณร้อยละ 58 ของโรคเบาหวานทั่วโลก ร้อยละ 21 ของโรคหัวใจขาดเลือด และร้อยละ 8 -42 ของโรคมะเร็งบางชนิด มีสาเหตุมาจากความอ้วน และพฤติกรรมเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคดังกล่าวได้เร็วขึ้น ได้แก่ 1.การสูบบุหรี่ 2.กินผักผลไม้น้อย และ3.การไม่ออกกำลังกาย ทำให้พลังงานที่ได้จากอาหาร เกิดการสะสมในร่างกายในรูปของไขมัน โดยเฉพาะไขมันที่สะสมในช่องท้อง หรือที่เรียกว่าอ้วนลงพุง เป็นอันตรายมาก โดยมาตรฐานเส้นรอบเอว ผู้ชายไม่ควรเกิน 90 เซนติเมตร ผู้หญิงไม่ควรเกิน 80 เซนติเมตร ผลสำรวจล่าสุด พบขณะนี้มีคนไทยเอวเกินมาตรฐานประมาณ 9 ล้านคน และกลายเป็นโรคอ้วนลงพุงแล้ว กว่า 6 ล้านคน รอบเอวที่เพิ่มขึ้นทุก 5 เซนติเมตร จะเพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานมากกว่าคนไม่อ้วนถึง 3-5 เท่า และหากอ้วนลงพุงและเป็นโรคเบาหวานด้วย จะเสี่ยงเกิดโรคหัวใจขาดเลือด 5 เท่า เสี่ยงเป็นโรคหยุดหายใจขณะหลับ 3 เท่า นอกจากนี้ผลสำรวจการกินผักผลไม้ของคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ ล่าสุดในพ.ศ. 2547 พบว่าร้อยละ 78 หรือประมาณ 35 ล้านคน กินโดยเฉลี่ยเพียง 275 กรัม ซึ่งปริมาณน้อยมาก ยังไม่เพียงพอต่อการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันไม่ให้เกิดโรคได้ ซึ่งตามมาตรฐานสากลจะต้องกินให้ได้วันละ 400 กรัม ผักผลไม้มีประโยชน์ทำให้ร่างกายได้รับวิตามิน มีสารต้านโรคมะเร็งโดยเฉพาะผลไม้ผักที่มีสีเหลือง เช่นฟักทอง แครอท มะม่วง สำหรับการออกกำลังกายของประชาชนไทยขณะนี้ดีขึ้น แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย นายแพทย์วัลลภกล่าวต่อว่า สำหรับการเพิ่มพูนความรู้ให้ อสม.ในปีนี้ ได้อบรมอสม.หมู่บ้านละ 3 คน ประมาณ 200,000 คน กำหนดแล้วเสร็จทุกจังหวัดภายในวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ.2550 สาระการอบรมจะเน้นโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง การทดสอบความปลอดภัยอาหาร ปัญหาโรคอ้วนลงพุง โรคข้อเข่าเสื่อม โรคตาบอดจากตาต้อกระจก ปัญหาสุขภาพจิต การออกกำลังกาย สมุนไพรพื้นบ้านต้านโรค การจัดการของเสียชุมชน และการจัดแผนสุขภาพของชุมชนด้วยเพื่อพัฒนาสุขภาพของประชาชนให้มีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน *********************************** 4 สิงหาคม 2550


   
   


View 14    04/08/2550   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ