กระทรวงสาธารณสุขห่วงประชาชนที่นิยมท่องเที่ยวสัมผัสลมหนาว หลีกเลี่ยงการดื่มเหล้าคลายหนาว และการใช้เตาถ่านให้ความอบอุ่น ในเต็นท์หรือในห้องพักที่ปิดมิดชิด เนื่องจากเป็นพฤติกรรมเสี่ยงอันตรายถึงเสียชีวิตชี้สถิติฤดูหนาว ปลายปี 2556-ต้นปี 2557 พบผู้เสียชีวิตเกี่ยวข้องกับอากาศหนาว 82 ราย อันดับ 1 เกิดจาก ความอบอุ่นไม่เพียงพอ รองมาคือดื่มเหล้า แนะให้รักษาความอบอุ่นร่างกาย สวมเสื้อกันหนาว ถุงมือ ถุงเท้า ผ้าพันคอ หมวก ดื่มน้ำรักษาความชุ่มชื้นผิวอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ และออกกำลังกายเพิ่มภูมิต้านทานโรค

 
นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้อากาศในภาคเหนือและภาคอีสานหนาวเย็นลงเรื่อยๆ ประชาชนนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดติดต่อกัน หลายวัน ได้กำชับให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ให้ความรู้ประชาชนในการรับมือกับอากาศที่หนาวเย็น ขอให้ประชาชนรักษาสุขภาพให้แข็งแรง โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีความเสี่ยงเกิดการเจ็บป่วยได้ง่ายกว่ากลุ่มอื่น ได้แก่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว จะต้องระวังเป็นพิเศษ หากเจ็บป่วยขอให้รีบพบแพทย์รักษาทันที ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว เพราะน้ำจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น   ให้ผิวหนังและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างภูมิต้านทานโรคให้แก่ร่างกาย ไม่เจ็บป่วยง่าย 
 
นายแพทย์ณรงค์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขเป็นห่วงในช่วงอากาศหนาวเย็น มี 2 เรื่อง ซึ่งพบได้เกือบทุกปี  ได้แก่ 1.ความเชื่อของประชาชนที่ว่าการดื่มสุราจะช่วยแก้หนาว ดื่มแล้วร่างกายอบอุ่น จึงไม่สวมเสื้อกันหนาว ขอเรียนว่าความรู้สึกอุ่นจนร้อนวูบวาบในช่วงแรกหลังดื่มสุรานั้น  เกิดจากเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังขยายตัว ซึ่งจะมีผลทำให้ร่างกายสูญเสียความร้อนและน้ำออกทางผิวหนัง จะทำให้อุณหภูมิในร่างกายลดต่ำลง และหากดื่มจนเมาหลับไปโดยไม่ได้ดูแลร่างกายอบอุ่นอย่างเพียงพอ อาจทำให้เสียชีวิตจากภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำ และ 2.เรื่องการนำเตาถ่านหรือตะเกียงน้ำมันก๊าด เข้าไปจุดให้ความอบอุ่นในเต็นท์หรือห้องพักที่ปิดมิดชิด จะเป็นอันตรายต่อผู้ที่อยู่ในเต็นท์หรือในห้อง เนื่องจากในควันไฟที่เกิดจากการเผาไหม้ จะมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์  และก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ออกมา ทำให้ปริมาณออกซิเจนที่จำเป็นต่อร่างกาย ในอากาศลดลง  เมื่อคนหายใจจะสูดเอาก๊าซ 2 ชนิดนี้เข้าไป  เซลล์ของอวัยวะต่างๆ จะขาดออกซิเจนไปเลี้ยง โดยเฉพาะสมอง ทำให้เกิดอาการง่วงหลับโดยไม่รู้ตัว และเสียชีวิตได้  
 
ทางด้านนายแพทย์โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค มีรายงานผู้เสียชีวิตที่คาดว่าเกี่ยวข้องกับอากาศหนาวระหว่างวันที่ 22 ตุลาคม 2556-9 กุมภาพันธ์ 2557 จำนวน 82 ราย โดยพบที่จังหวัดเชียงใหม่มากที่สุด 9 ราย รองลงมา สระแก้ว 6 รายและนครราชสีมา 5 ราย  โดยเสียชีวิต ในบ้าน ตัวอาคาร ร้อยละ 56 ที่เหลือเสียชีวิตนอกบ้าน เช่น ที่สาธารณะ หน้าบ้าน ข้างกองไฟ ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่ส่งเสริมให้เกิดการเสียชีวิตในช่วงฤดูหนาว คือ สวมเครื่องนุ่งห่มให้ความอบอุ่นไม่เพียงพอ พบร้อยละ 48 การดื่มสุราที่เชื่อว่าจะทำให้ร่างกายอุ่นขึ้นร้อยละ 19  ดื่มสุราร่วมกับมีโรคประจำตัวด้วยร้อยละ 17 โรคประจำตัวที่พบได้บ่อยที่สุด ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคลมชัก หอบหืด และโรคพิษสุราเรื้อรัง 
 
นายแพทย์โสภณกล่าวต่อว่า ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวในพื้นที่อากาศหนาวเย็น ควรเตรียมเครื่องกันหนาวไปให้พร้อม เช่น ถุงนอน ผ้าปูรองพื้น ผ้าห่ม เสื้อกันหนาวถุงมือ ถุงเท้า ผ้าพันคอ หมวกไหมพรม เพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายอย่างเพียงพอ ไม่นำเตาถ่านจุดไฟเข้าไปในเต็นท์หรือห้องพักที่มิดชิด และหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อคลายความหนาว เครื่องดื่มที่แนะนำให้ดื่มก่อนนอน เช่น นมอุ่น ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหาร วิตามินมากขึ้น 
 
ส่วนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ขอให้สวมเสื้อผ้าให้ความอบอุ่นให้เพียงพอ ทั้งในช่วงกลางวันและกลางคืน อวัยวะที่ต้องให้ความอบอุ่นมากเป็นพิเศษคือ ศีรษะ ลำคอ และหน้าอก ความอบอุ่นจะช่วยให้หัวใจบีบตัวทำงานเพื่อส่งเลือดไหลเวียนไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆได้สะดวก หากร่างกายสัมผัสอากาศเย็นเป็นเวลานาน จะทำให้ระบบไหลเวียนเลือดในร่างกายหนืดขึ้น หัวใจทำงานหนักและเสียงหัวใจวาย เสียชีวิตในที่สุด 
 
ธันวาคม 5/6-7**************************   21 ธันวาคม 2557
 
 


   
   


View 16    21/12/2557   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ