รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ชูแนวคิดขยายคลินิกรักษาโรคผสมผสานในโรงพยาบาลในสังกัด ให้ แพทย์แผนปัจจุบันสามารถสั่งใช้ยารักษาทั้งแผนปัจจุบัน ยาสมุนไพร แพทย์แผนไทย แพทย์ทางเลือก  พร้อมเร่งการวิจัยองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์สมุนไพรและการแพทย์แผนไทย สร้างความเชื่อมั่นประชาชน   

          ศาสตราจารย์นายแพทย์รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมนายแพทย์สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และคณะที่ปรึกษา ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการดำเนินงานให้แก่ผู้บริหารกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก  ภายหลังรับฟังผลการดำเนินงานจากผู้ช่วยศาสตราจารย์พิเศษ ดร.นายแพทย์ธวัชชัย  กมลธรรม อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ว่า ได้มอบนโยบายให้กรมการแพทย์แผนไทยฯ เน้นการวิจัยเพื่อให้มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์รองรับเหมือนการแพทย์แผนปัจจุบัน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนและแพทย์ผู้รักษาในการใช้ยาสมุนไพร การแพทย์แผนไทย และแพทย์ทางเลือก ซึ่งขณะนี้สมุนไพรไทยที่นำไปผลิตเป็นยา อาหารเสริม และเครื่องสำอาง สร้างรายได้แก่ประเทศปีละ 300,000ล้านบาท รวมทั้งการนวดไทยซึ่งเป็นภูมิปัญญาไทยที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ เพื่อผลักดันเข้าสู่ระบบบริการสุขภาพของไทย ซึ่งจะเชื่อมโยงไปถึงการสร้างรายได้แก่ประชาชนในพื้นที่ จากการปลูกพืชสมุนไพร แปรรูปสมุนไพร การนวดไทย จำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ และยังเป็นการสร้างความมั่นคงทางการแพทย์ ไม่ต้องพึ่งพาการแพทย์แผนตะวันตกเพียงอย่างเดียว

                นอกจากนี้ ได้ให้ขยายการจัดบริการรักษาพยาบาลแบบผสมผสานในคลินิกแพทย์แผนปัจจุบัน (Complimentary Medicine) ตามแนวทางองค์การอนามัยโลก ให้แพทย์แผนปัจจุบันรักษาด้วยยาแผนปัจจุบัน ยาสมุนไพรไทย หรือส่งไปบำบัดรักษาต่อแบบการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก เช่นการนวดไทย การฝังเข็ม การจัดกระดูก เป็นต้น ซึ่งมีแผนจัดหลักสูตรอบรมแพทย์แผนปัจจุบันเพื่อเพิ่มเติมความรู้ด้านการแพทย์แผนไทยสามารถนำไปใช้รักษาประชาชนได้ โดยขณะนี้มีโรงพยาบาลที่ดำเนินการได้ผลดีเป็นต้นแบบ 14 แห่ง เช่น โรงพยาบาลเสาไห้ จ.สระบุรี เป็นต้น 

          ทั้งนี้ ผลการพัฒนางานด้านการแพทย์แผนไทยที่ผ่านมา  ได้จัดบริการคลินิกการแพทย์แผนไทยในรูปแบบคู่ขนานไปกับแพทย์แผนปัจจุบัน ดำเนินการได้แล้วร้อยละ 41 ของโรงพยาบาลทุกระดับ ในปีที่ผ่านมามีผู้รับบริการ 26 ล้านครั้งจากการตรวจรักษาที่แผนกผู้ป่วยนอกทั้งหมด 157 ล้านครั้ง คิดเป็นร้อยละ 17 ในปี 2558 มีเป้าหมายจะเพิ่มให้ได้ร้อยละ 70 และจะเพิ่มคลินิกแพทย์แผนไทยดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรังเช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง อัมพฤกษ์อัมพาต มะเร็ง ไมเกรน ในโรงพยาบาล 300 แห่ง รวมทั้งการพัฒนาโรงงานผลิตยาและผลิตภัณฑ์สมุนไพรในโรงพยาบาลรัฐที่มี 47 แห่งให้ได้มาตรฐานจีเอ็มพี ซึ่งจะเป็นการสร้างอาชีพและรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่จากการปลูกและจำหน่ายสมุนไพรเป็นวัตถุดิบด้วย

          สำหรับการวิจัยและพัฒนายาสมุนไพรเพื่อผลักดันเข้าสู่บัญชียาหลักแห่งชาติที่ผ่านมามี 76 รายการ ในปี 2558 จะเพิ่มอีก 15 รายการ รวมทั้งจะการศึกษาวิจัยภูมิปัญญาและตำรับยารักษาโรคต่างๆ ที่คนไทยป่วยกันมาก อีก 14 เรื่อง เช่นมะเร็ง โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น

************************ 12 ตุลาคม 2557

 



   
   


View 14    12/10/2557   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ