อธิบดีกรมอนามัย เผยความคืบหน้าโครงการค่ายลดน้ำหนักตามสูตร 3 อ. มีคนอ้วนลงพุงแห่สมัครพิชิตพุง 800 กว่าคน คัดเลือกเหลือ 68 คน น้ำหนักตัวรวมกันมากถึง 6 ตัน รอบเอวยาว 700 เมตร เกินครึ่ง เคยใช้ยาและอาหารเสริมลดน้ำหนัก แต่ไม่สำเร็จ แถมน้ำหนักตัวพุ่งกระฉูดกว่าเดิม นายแพทย์ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ตามที่กรมอนามัย ได้ประกาศรับสมัครคนอ้วนลงพุง เข้าร่วมโครงการคนไทยไร้พุงผ่านสื่ออสมท. และจัดกิจกรรมเข้าค่ายลดน้ำหนัก เพื่อให้เป็นบุคคลต้นแบบการลดน้ำหนักโดยใช้หลัก 3 อ. ปรากฎว่ามีคนอ้วนลงพุงมาสมัคร 800 กว่าคน แล้วทำการคัดเลือกเพียง 68 คน ไปเข้าค่ายที่จ. จันทบุรี 3 วัน 2 คืน พบสถิติที่น่าสนใจหลายอย่าง โดยใน 68 คนนี้ชั่งน้ำหนักตัวรวมกันมากถึง 6,100 ก.ก. หรือประมาณ 6 ตัน รอบเอวรวมกันยาว 6,942 ซม. หรือประมาณ 700 เมตร และมวลไขมันในร่างกายของทุกคนรวมกัน 2,772 กิโลกรัม นายแพทย์ณรงค์ศักดิ์กล่าวว่า จากการสอบถามผู้เข้าค่าย 68 คน พบว่าร้อยละ 55 อ้วนตอนทำงาน โดยในช่วงวัยเด็กและวัยหนุ่มสาวหุ่นดีร้อยละ 71 คนอ้วนกลุ่มนี้เคยพยายามลดน้ำหนักมาแล้วแต่ไม่สำเร็จ โดยร้อยละ 61 เคยใช้ยา และอาหารเสริมลดน้ำหนัก จนเกิดโยโย่แอฟเฟ็ค หรือลดได้ชั่วคราวแล้วกลับมาอ้วนใหม่ จากนั้นลดน้ำหนักไม่ลง แถมอ้วนมากกว่าเดิมด้วย จึงต้องเร่งส่งเสริมวิธีการลดน้ำหนักที่ถูกวิธีและปลอดภัย ทางด้านนายสง่า ดามาพงษ์ นักวิชาการสาธารณสุข กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการคนไทยไร้พุงที่กำลังดำเนินการอยู่นี้ กระทรวงสาธารณสุขได้มุ่งเน้นให้สังคมไทยเห็นภัยร้ายของโรคอ้วนลงพุง และหันมาควบคุมป้องกัน ลดพุงโดยใช้ 3 อ. คือ อ. อาหาร โดยลดหวาน มัน เค็ม กินผักผลไม้ให้มาก อ.ออกกำลังกาย เผาผลาญเอาไขมันที่สะสมในร่างกายออกไป และอ.อารมณ์ ต้องทำการปรุงแต่งจิต เพื่อเกิดสติมุ่งมั่นในการควบคุมอาหารและออกกำลังกาย ส่วนการลดน้ำหนักโดยการกินยาและอาหารเสริมหรือการอดอาหาร หรือแม้กระทั่งหันไปกินสูตรหรือเมนูอาหารประหลาดๆนั้น ส่วนมากน้ำหนักจะลดได้ในช่วงกินยาอาหารเสริม แต่เมื่อหยุดกินก็จะกลับมาอ้วนมากกว่าเดิม เหตุผลเนื่องจากน้ำหนักที่หายไปในช่วงกินยาหรือกินอาหารเสริม เป็นมวลไขมันส่วนหนึ่งและอีกส่วนหนึ่งคือมวลกล้ามเนื้อ โดยการลดน้ำหนักที่ถูกต้องนั้น มวลกล้ามเนื้อต้องไม่หาย แต่เมื่อเลิกอดอาหาร เลิกกินยา สักพักจะกลับมาอ้วนแบบฉุๆ น้ำหนักที่เพิ่มมาใหม่คือ ไขมันล้วนๆ ไม่มีมวลกล้ามเนื้อ จึงเรียกว่าโยโย่แอฟเฟ็ค นายสง่า กล่าวต่อไปว่า การลดน้ำหนักแบบ 3 อ. ของกระทรวงสาธารณสุข นอกจากทำให้เกิดการประหยัดเพราะไม่ต้องซื้อยาหรือเข้าสถาบันลดน้ำหนักที่ราคาแพงระยับแล้ว ยังทำให้ลดน้ำหนักได้อย่างถาวรยั่งยืน แถมยังเกิดพฤติกรรมการกินและออกกำลังกายที่ดี ติดตัวไปตลอดชีวิต นำไปสู่การมีสุขภาพดี แม้จะใช้ระยะเวลานานกว่าการกินยาก็ตาม โดยการลดน้ำหนักแบบ 3 อ. จะเป็นการลดแบบค่อยเป็นค่อยไป ให้ร่างกายค่อยๆ ปรับตัวลดจำนวนและขนาดของมวลไขมันลง สัปดาห์ละไม่เกินครึ่งก.ก.หรือเดือนละ 2 ก.ก. หากทำได้เดือนละครึ่งถึง 1 ก.ก. ก็นับว่าเก่ง โดยต้องลดอย่างต่อเนื่องไม่ให้หยุดทำ ใช้เวลาประมาณ 1-2 ปี รูปร่างก็จะเริ่มกระชับหรือเฟิร์มขึ้น ทั้งนี้กรมอนามัยจะเดินหน้าโครงการคนไทยไร้พุงอย่างเข้มข้น โดยจะนำเอาผู้ที่ผ่านการเข้าค่ายและประสบผลสำเร็จในการลดน้ำหนักที่บ้านได้มากที่สุด ประกาศให้เป็นเดอะวินเนอร์ เป็นต้นแบบที่ดีให้สังคมไทย และเป็นพรีเซนเตอร์ เล่าขานประสบการณ์ให้ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก ผ่านสื่อโทรทัศน์ วิทยุ ของ อสมท.ตั้งแต่บัดนี้จนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม นายสง่า กล่าวในที่สุด ******** 8 กรกฎาคม 2550


   
   


View 18    08/07/2550   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ