สธ. ขยายผล “ธวัชบุรีและท่าวังผาโมเดล” แก้ปัญหายาเสพติดครบวงจรใน 10 จังหวัด เปิดตัว แอปฯ ล้อมรักษ์ ช่วยผู้ป่วยเข้าถึงบำบัดรักษา
- สำนักสารนิเทศ
- 161 View
- อ่านต่อ
กระทรวงสาธารณสุข ห่วงความปลอดภัยอาหารเซ่นไหว้ช่วงสารทจีน ขอให้ปรุงให้สุก สะอาด หากเป็นเนื้อสัตว์ต้องผ่านความร้อนไม่ต่ำกว่า 70 องศาเพื่อทำลายเชื้อแบคทีเรียและไวรัส หากเป็นผักและผลไม้ต้องล้างน้ำให้สะอาดแช่ด้วยน้ำเกลือหรือด่างทับทิม เพื่อล้างยาฆ่าแมลงออกให้หมด ลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งและโรคอาหารเป็นพิษ ปีนี้ผ่านมากว่า 7 เดือน ทั่วประเทศพบผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษ 76,463 กว่าราย
แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ในวันที่ 10 สิงหาคม 2557 เป็นเทศกาลสารทจีน ถือเป็นวันสำคัญของคนไทยเชื้อสายจีนที่จะแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษโดยพิธีเซ่นไหว้ ซึ่งมักจะจับจ่ายซื้ออาหารสำหรับไหว้และนำไปบริโภคจำนวนมาก อาหารที่ใช้จะมีทั้งของคาว ของหวาน และผลไม้ เช่น เป็ดและไก่ต้ม เนื้อหมูติดหนัง ปลา ขนมเข่ง ขนมเทียน ขนมถ้วยฟู ซาลาเปา ส้ม กล้วย เป็นต้น
ขอให้ประชาชนเลือกซื้ออาหารประเภทเนื้อสัตว์ ผักและผลไม้ที่สด สะอาด ปลอดภัย จากแหล่งจำหน่ายที่สะอาด มีสุขลักษณะที่ดีในการเลือกซื้อเนื้อสัตว์ เช่น เป็ด ไก่ เนื้อต้องไม่มีสีคล้ำ ไม่มีจ้ำเลือด ไม่ทาสีตามตัว ไม่มีกลิ่นเหม็น
ส่วนเนื้อหมูต้องเลือกเนื้อที่มีสีแดงตามธรรมชาติ วิธีการปรุงอาหารคาวก่อนเซ่นไหว้ ต้องทำให้สุกทั่วทั้งชิ้นด้วยความร้อนไม่ต่ำกว่า 70 องศาเซลเซียส ความร้อนจะทำลายเชื้อโรคต่างๆรวมทั้งพยาธิที่อาจอยู่ในเนื้อสัตว์ สำหรับการเลือกซื้อผัก ต้องสีสดเป็นธรรมชาติ ไม่มีเศษดินหรือคราบสีขาวของยาฆ่าแมลง ก่อนนำมาปรุงเป็นอาหาร ต้องล้างทำความสะอาดทุกครั้ง โดยเฉพาะผักสดต้องล้างด้วยน้ำสะอาด 2-3 ครั้ง ครั้งละ 5-7 นาที และแช่ด้วยน้ำเกลือหรือด่างทับทิม แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งหนึ่ง เพื่อล้างยาฆ่าแมลงที่สะสมอยู่ด้านในออก เนื่องจากความร้อนไม่สามารถล้างยาฆ่าแมลงออกได้ หากรับประทานเข้าไปอาจเกิดการสะสมก่อให้เกิดโรคมะเร็ง
แพทย์หญิงพรรณพิมลกล่าวต่อไปว่า ก่อนนำอาหารเซ่นไหว้ มารับประทานหมู่ญาติครัวเรือน หลังเสร็จพิธี ขอให้ประชาชนทำให้สุกอีกครั้งด้วยการต้ม นึ่ง หรือผัด เพื่อทำลายเชื้อโรคต่างๆจุลินทรีย์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างพิธี เนื่องจากตั้งอาหารทิ้งไว้นาน ไม่ได้แช่เย็นหรือปกปิดอย่างดี จึงทำให้เชื้อแบคทีเรีย เจริญเติบโตในอาหารได้เป็นอย่างดี อาจก่อโรคอาหารเป็นพิษได้ง่าย
ทั้งนี้ จากข้อมูลเฝ้าระวังโรคของสำนักระบาดวิทยาปีนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 4 สิงหาคม 2557 พบผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษ 76,463 ราย จาก 77 จังหวัด พบทุกกลุ่มอายุ ไม่มีผู้เสียชีวิต พบได้ทุกฤดูกาล เพื่อป้องกันโรคอาหารเป็นพิษ ขอแนะนำให้ประชาชน ยึดหลักปฏิบัติคือ กินร้อน ใช้ช้อนกลางและล้างมือก่อนรับประทานอาหารและภายหลังจากใช้ห้องน้ำห้องส้วม
สำหรับโรคอาหารเป็นพิษ เป็นโรคติดต่อทางอาหารและน้ำที่พบได้บ่อย เกิดจากการรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อโรคเข้าไป มักพบในอาหารที่ปรุงสุกๆ ดิบๆ จากเนื้อสัตว์ที่ปนเปื้อนเชื้อ เช่นเนื้อไก่ เนื้อหมู เนื้อวัว และไข่เป็ด ไข่ไก่ รวมทั้งอาหารกระป๋อง อาหารทะเล อาจพบในอาหารที่ทำไว้ล่วงหน้านาน ๆ แล้วไม่ได้แช่เย็นไว้ หรือไม่ได้อุ่นให้ร้อนเพียงพอก่อนรับประทาน อาการของโรคนี้เกิดได้ ตั้งแต่หนึ่งชั่วโมงจนถึง 8 วันหลังจากรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อเข้าไป อาการมากน้อยขึ้นอยู่กับบุคคลและปริมาณที่กิน อาการที่พบคือ คลื่นไส้ อาเจียน ตามด้วยอาการมีไข้ เบื่ออาหาร และท้องเสีย อาจถ่ายมีมูกเลือดปนได้ หากถ่ายเหลว 3 ครั้งขึ้นไป หรือมีถ่ายเป็นน้ำ 1 ครั้งขึ้นไปใน 1 วัน ให้ดื่มสารละลายเกลือแร่ โอ อาร์ เอส แทนน้ำ ป้องกันภาวะขาดน้ำ หากยังไม่ดีขึ้น และถ่ายอุจจาระเป็นมูกเลือด ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
*************************************** สิงหาคม 2557